นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ อาจขยายตัวถึง 4% ซึ่งไม่เห็นตัวเลข 4% มานานแล้ว เพราะตลอด 3 ปี ประเทศไทยไม่ได้เจอวิกฤติธรรมดา แต่เป็นมหาวิกฤติ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมไม้ร่วมมือทำทุกอย่าง ให้ฟันฝ่าและรอดพ้นมาได้ จนวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจทุกอย่างกลับสู่สภาพที่เรียกว่าฟื้นฟู และจะเข้าสู่สภาพเดิมในไม่ช้า ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นมาก

 

“ที่เป็นห่วงนักท่องเที่ยวที่เคยมีถึง 40 ล้านคนต่อปี ลดลงเหลือ 2 ล้านคนต่อปี รายได้ย่อมหายไปมหาศาล ถ้าเป็นประเทศอื่นย่อมไม่รอด และรายได้ที่หายไปย่อมกระทบประชาชนรัฐบาลพยายามประคับประคองให้รอดพ้นมาได้ วันนี้เราถึงเวลาเดินไปข้างหน้าและเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ไม่อยากให้ลืม 3 ปีที่ผ่านมาที่เราร่วมมือฝ่าฟันด้วยกันมา ตอนนี้ประเทศไทยฟื้นตัว ไปถามนักเศรษฐศาสตร์ยืนยันตรงกัน ปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว การบริโภคภาคเอกชนแม้จะถูกกระทบจากราคาพลังงานและสงครามทางการค้า แต่มั่นใจว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2565 ฉะนั้น 2566 จะดีขึ้นและนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้น่าจะได้มากว่า 20 ล้านคน”

 

ขณะที่เราฝ่ามหาวิกฤติของโลก การรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศไทยยังทำได้ดีเสมือนก่อนเกิดโควิด-19 ไม่ได้มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศลดลงไป ต่างประเทศและนักวิเคราะห์ก็ประเมินว่าประเทศไทยทำได้ดี ขณะที่บางประเทศถึงกับมีปัญหาทางเศรษฐกิจ และที่จะเดินไปข้างหน้าไม่ใช่เดินแบบเดิมอีกต่อไป ขณะที่การดำเนินนโยบายของไทยได้เริ่มตั้งแต่ปี 2565 และจะทำต่อในปีนี้ เป็นการเดินหน้าประเทศไทยอย่างก้าวหน้า ควบคู่กับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เป็นการแก้ปัญหาอดีต ปัจจุบันและสร้างอนาคต ตลอดเวลาช่วงวิกฤติเราทั้งสู้และเสริมให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานก็พัฒนาไปมาก

 

“ปีนี้จะเห็นการขยายเขตการค้ามากขึ้น และจับต้องได้เป็นประวัติศาสตร์สูงสุดของประเทศไทย ที่เป็นผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรงคือ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้เข้าสู่ตะวันออกกลางและแอฟริกาโดยง่าย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและทำในช่วงวิกฤติด้วย และมีความร่วมมือนับแสนล้านบาทที่จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยขยายเขตการค้ามากที่สุดเท่าในยุคนี้”.

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์