24 ก.พ. กรมเจรจาฯเปิดระดมความเห็น จัดทำเอฟทีเอไทย-ยูเออี
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมจัดการประชุมระดมความเห็น “เปิดประตูการค้าการลงทุนผ่าน FTA ไทย-ยูเออี” ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ณ ห้องสุรศักดิ์ 3 ชั้น 11 โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับจัดทำ CEPA ไทย-ยูเออี จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสัมคม พร้อมทั้งนำเสนอผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ GCC และ CEPA ไทย-ยูเออี และรับฟังมุมมองและข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน อาทิ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย
นางอรมน กล่าวว่า สืบเนื่องจากการเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้พบหารือกับดร.ธานี บิน อาเหม็ด อัล เซยูดี รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ โดยตกลงร่วมกันที่จะจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Comprehensive Economic Partnership Agreement: CEPA) ไทย-ยูเออี เพื่อให้การค้าและการลงทุนระหว่างกันขยายตัวอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาโดยเร็ว
สำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการค้าในตะวันออกกลาง ซึ่งพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง และยังสามารถเป็นประตูการค้าสู่กลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ซึ่งมีสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ยูเออี ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน โอมาน กาตาร์ และคูเวต
ปัจจุบันสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 1 ในตะวันออกกลางโดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีมูลค่า 20,824.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (บวก 73.90%) เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีสัดส่วนการค้า คิดเป็น 3.53% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่า 3,420.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่า 17,403.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องโทรสาร และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่นๆ เครื่องเพชรพลอย และเงินแท่งและทองคำ
ที่มา : มติชน