"อินเดีย" เผย GDP ปี 65 พุ่ง 7% แซงหน้า "จีน" ที่โตเพียง 3%
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของอินเดียโต 4.4% ในช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และทั้งปี 2565 โตราว 7% ขณะที่จีดีพีทั้งปีของจีนโตเพียง 3% จากปีก่อนหน้า กูรูคาดผลกระทบจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และดีมานด์ด้านการผลิตทั้งโลกต่ำลง
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียโต 4.4% ในช่วงเดือนต.ค. ถึง ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งลดลงจากเดิม 6.3% ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าอาจแตะ 4.6% อย่างไรก็ตามตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวก็ยังทำให้การเติบโตของจีดีพีเฉลี่ยต่อปีของอินเดียอยู่ที่ประมาณ 7% ในปีที่แล้ว จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจดีที่สุดลำดับต้นของโลก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียง 1.7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ ‘อ่อนแอ’ ที่สุดเป็นอันดับสามของโลกในรอบเกือบสามทศวรรษ
อนึ่ง เศรษฐกิจของอินเดียเติบโตขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัว โดยอัตราเงินเฟ้อค้าปลีก (retail inflation rate) แบบปีต่อปีของเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นแตะ 6.52% ซึ่งสูงกว่าที่ธนาคารกลางอินเดียคาดไว้ที่ 6% ส่งผลต่อเนื่องให้ธนาคารกลาง ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.25% มาอยู่ที่ 6.5% เมื่อเดือนที่แล้ว
ด้านสํานักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานจีดีพีของประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ว่า ในปี 2565 จีดีพีของจีนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 121 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 605 ล้านล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขการเติบโตที่ช้ากว่าอินเดียในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา และเป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำกว่าที่ทางการจีนคาดที่ 5.5%
นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีจีนในครั้งนี้นับเป็นการเติบโตที่ ‘อ่อนแอ’ ที่สุดตั้งแต่ปี 2519 หรือเชื่องช้าที่สุดในรอบ 47 ปี ซึ่งไม่รวมปีงบประมาณที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทีมา : กรุงเทพธุรกิจ