"เกรียงศักดิ์" แม่ทัพสถาบันยานยนต์ ดันยุทธศาสตร์โบว์ 3 สี ดันไทยผลิตรถ 2.4 ล้านคัน
"เกรียงศักดิ์" แม่ทัพสถาบันยานยนต์ ดันยุทธศาสตร์โบว์ 3 สี ดันไทยผลิตรถ 2.4 ล้านคัน ปี 2030 เฉพาะ ZEV 725,000 คัน
ดร. เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์(สยย.) เปิดเผยถึงแผนการทำงานหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 ว่า ก้าวต่อไปของ สยย. ภายใต้แนวคิด Reshape the future พลิกโฉมสู่ยานยนต์แห่งอนาคต มีแนวทางการปฏิรูปหน่วยงานและปรับแนวทางการปฏิบัติงานในอนาคตตามนโยบาย Mind ใช้หัวและใจ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน
โดยการเข้ามาของเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตตามนโยบาย 30@30 คือการตั้งเป้าการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ภายในปี ค.ศ. 2030 เป็นกลไกที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งในปี ค.ศ. 2023 มีการประมาณการตัวเลขการผลิตรถยนต์ในประเทศอยูที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ. 2022 ถึง 3.53%
โดยแบ่งเป็น การผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน และคาดการณ์ว่าภายใน ปี ค.ศ. 2030 ประเทศไทยการผลิตรถยนต์ที่ 2.4 ล้านคัน แบ่งเป็นรถ ZEV จำนวน 725,000 คัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023 – 2030 ประเทศไทยจะมีอัตราการเจริญเติบโต 3.5% ต่อปี ทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเป็นฐานการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
จากนโยบายดังกล่าว สยย. จำเป็นต้องเกิดการ Reshape ปฏิรูปงานบริการของ สยย. พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบ Business Model เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปัจจุบัน สยย. มีการให้บริการหลัก ดังนี้ บริการทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ตามมาตรฐาน บริการตรวจการทำผลิตภัณฑ์ (IB) และ Free Zone เขตปลอดอากร บริการฝึกอบรม รวมถึงบริการข้อมูลศูนย์สารสนเทศยานยนต์ที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมจัดทำงานวิจัย เพื่อเสนอแนะชี้นำ และเตือนภัย เพื่อสนับสนุนการวางยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจะมีแนวทางการดำเนินงานใหม่ด้วยยุทธศาสตร์ “3 RIBBONS STRATEGY” หรือยุทธศาสตร์โบว์ 3 สี ฟ้า เขียว ขาว
–BLUE OCEAN การสร้างนวัตกรรม (2023 -2030) จะมีการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการ และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจใหม่ พร้อมขับเคลื่อน สยย. ด้วยการทำการตลาดเชิงรุก พัฒนาให้ สยย. เป็นผู้ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Service) ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างครบวงจร อาทิ มาตรฐานบังคับ (มอก.) มาตรฐานกรมขนส่ง ASEAN MRA และมาตรฐานตามข้อตกลง
1958 Agreement ของสมาชิก 48 ประเทศ เป็นต้น เพื่อยกระดับการทดสอบของ สยย. ให้ผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับในสากล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการส่งออกยานยนต์ไทยตามนโยบายการเป็นฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคต
–GREEN GROWTH การสร้างความยั่งยืน(2023 -2030) เตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการทดสอบการปล่อยสารมลพิษจากเครื่องยนต์ตามมาตรฐานยูโร 5 และ 6 เพื่อลดปัญหาการปล่อยมลพิษทางอากาศฝุ่น PM ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งขณะนี้ สยย. ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องมือทดสอบ พร้อมให้บริการเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงการทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า โดย สยย. มีศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน ตามมาตรฐาน UNECE R100 สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและ UNECE R136 สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสามารถทดสอบเพื่อการวิจัยและพัฒนาในการปรับปรุงสมรรถนะของแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
–WHITE SPIRIT การสร้างความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพ และธรรมาภิบาล(2023 -2030) การปรับเปลี่ยนวิถีการบริหาร การจัดการควบคุมดูแลกิจกรรมต่างๆ ของ สยย. ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ และมุ่งเน้นประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ของงาน โดยปรับกระบวนการทำงานมุ่งสู่ความเป็นเลิศในด้านการปฎิบัติการ การบริหารจัดการองค์กรด้วยแนวคิด Smart Strong และ Slim
ที่มา : มติชน