11 พรรคการเมืองอัดนโยบายดันไทยเป็นครัวโลก
11 พรรคการเมือง วางนโยบายด้านการเกษตรปลอดภัย ดันไทยสู่ครัวโลก นำเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่ม ชูเกษตรอินทรีย์ รวมกลุ่มสหกรณ์เข้าตลาด สร้างอำนาจต่อรอง อัดงบดึงเกษตรกรพ้นความยากจน
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2566 BIOTHAI ได้จัดเวที ให้ 11 พรรคการเมือง นำเสนอนโยบาย “เกษตรกรรม และความมั่นคงทางอาหาร เลือกตั้งปี 66 ” ณ สวนผักคนเมือง ไทรม้า นนทบุรี
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ภาคการเกษตรของไทยยังมีความจำเป็นต้องได้รับการอุดหนุนทางด้านการเงิน เนื่องจากผลผลิตสินค้ายังมีปัญหา มีหนี้สิน และยังมีความเลื่อมล้ำของรายได้ในภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร แต่การอุดหนุนต้องมีเงื่อนไขเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกร
ทั้งนี้การอุดหนุน แยกเป็นส่วนๆ คือ กลุ่มเกษตรกรที่ผลิตสินค้า จะได้รับการอุดหนุนในเชิงสินค้า และการช่วยเหลือด้านหนี้สิน โดยรัฐบาลจะแฮร์คัด หนี้ 50 % กรณีที่ดินติดจำนองไม่สามารถแฮร์คัดได้ รัฐบาลจะเข้าไปซื้อหนี้และขอเช่าที่ดิน เพื่อปลูกไม้ยืนต้น ภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลเกษตรกรจะได้ที่ดินคืนพร้อมทั้ง ไม้ยืนต้นหลังจากนั้น 20 ปี
ทั้งหมดนี้เกษตรกรทุกคนจะได้รับสวัสดิการก้าวหน้า โดยผู้สูงอายุจะได้รับมากขึ้นจาก 600 ต่อเดือน เป็น 3,000 บาท ต่อเดือน ใน4 ปี เด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน ซึ่งเรื่องนี้จะเกี่ยวโยงกับภาวะโภชนาการด้วย
ที่สำคัญพื้นที่ทางการเกษตร จะต้องเข้าถึงแหล่งน้ำและมีที่ดินทำกินเป็นของคนเอง
โดยมีเป้าหมายจะจัดสรรสิทธิที่ดินรวม 50 ล้านไร่งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยที่ดินในเขตการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยจะเปลี่ยนเป็นฉโนด ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ที่ดิน ส.ค. 1 และที่ดินรกร้างในพื้นที่อุทยานและป่าสงวน โดยต้องนำมาใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ใช้เทคโนโลยี ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ผลิตสินค้าที่ตลาดต้องการ อุดหนุนให้เกิดการแปรรูป ที่ได้มาตรฐาน ทั้งจีเอ็มพี จีเอพี และฮาลาล สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า สร้างควมเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ในส่วนของอาหรกลางวันเด็กนั้นจะขยายให้ครอบคลุมถึงระดับมัธยม สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่เพื่อทดแทนรุ่นเก่าที่เกษียณ เกษตรกรจะสามารถตรวจรับรองแปลงเกษตรได้เอง กรณีที่สร้างโฮมสเตย์นั้น ต้องได้รับการรับรองเช่นเดียวกับโรงแรม
นายศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจ กล่าวว่า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พรรคภูมิใจไทย วางนโยบายสนับสนุนเกษตรกรให้รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อน และเสียหายจะมีประกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องทำ เพราะปัจจุบันเกษตรกรยังประสบปัญหาด้านราคา รายได้ไม่พอรายจ่าย ทำให้เกิดหนี้สิน เกษตรกรยังขาดความเข้าใจด้านทำเกษตรที่เหมาะสม
ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมี กระบวนการสนับสนุน ตลอดห่วงโซ่ เริ่มจากเรื่องน้ำระบบชลประทานจะต้องทั่วถึง ใช้เทคโนโลยีเพื่อกักน้ำใต้ดินโดยเฉพาะอีสาน ที่ไม่มีแหล่งน้ำ ส่วนปัญหาหนี้สิน จะสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุน เพื่อสามารถผลิตสินค้าได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ สร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ สนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีและสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งภูมิใจไทยทำมาโดยตลอดจะเห็นได้จากการประกาศงดการใช้ 3 สารเคมี โดยหลังจากนี้ตั้งเป้าลดการใช้สารเคมี 50 % ใน 4 ปี และเพิ่มเกษตรอินทรีย์ 200 % เพื่อเป็นการชีน้ำองค์คาพยพสินค้าอื่นๆในอนาคต
ทั้งนี้เนื่องจากไทยมีศักยภาพการผลิตอาหารได้เพียงพอเกินมาตรฐานที่องคก์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(เอฟเอโอ) กำหนดเอาไว้ ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะเป็นฐานการผลิตคาร์โบไฮเดรต และเป็นฐานผลิตโปรตีนได้บางส่วนให้กับโลก แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ
นายอลงกรณ์ พลบุตร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 4ปีที่ผ่านมาที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้ยุทธศาสตร์”ตลาดนำการผลิต เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”สามารถสร้างเงินสร้างรายได้ให้ประเทศและเกษตรกรจากการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ กว่า 5 ล้านล้านบาท เฉลี่ยปีละ 1.39 ล้านล้านบาท ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับ 13 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 ภาคเกษตรมีสัดส่วนประมาณ 8.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 32.1% และภาคบริการมีสัดส่วน 59.4% และ 30 %ของครัวเรือนเกษตรอยู่ใต้เส้นความยากจนติดกับดักหนี้สินเพราะความไม่แน่นอนของรายได้และราคาสินค้าเกษตร อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้ามูลค่าต่ำมีการแปรรูปสร้างมูลค่าน้อย
พรรคประชาธิปัตย์เล็งเห็นว่า ภาคเกษตรคืออนาคตของประเทศจึงมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปภาคเกษตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้”เกษตรกรเข้มแข็ง เกษตรไทยแข็งแกร่ง”จึงกำหนดเป้าหมายของนโยบายเกษตรภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรฐานราก เกษตรฐานโลก 2030 “ ให้ไทยเป็นมหาอำนาจอาหารโลกTop10 เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น 100 % เพิ่มGDPเกษตรเป็น 10%
ขับเคลื่อนด้วย3 กลยุทธ์ คือเปลี่ยนเกษตรกรยากจน เป็นเกษตรกรร่ำรวย เปลี่ยนเกษตรดั้งเดิมสู่เกษตรทันสมัยรายได้สูง เปลี่ยนเมืองเกษตร เป็นเมืองอาหาร ภายใต้ ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 5.0 ยุทธศาสตร์ เกษตรปลอดภัย เกษตรกรรมยั่งยืน ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมเกษตร และยุทธศาสตร์เกษตรฐานราก เกษตรฐานโลก ต่อยอดโครงการประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด
ยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ 3 ล้าน เติมทุนชาวนา30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน เพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสุขภาพเด็กนักเรียน
ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้เกษตรกรในที่ดินของรัฐทุกประเภท กระจายการถือครองที่ดิน ปฏิรูปที่ดิน ธนาคารที่ดิน โฉนดชุมชน ส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ เกษตรแม่นยำ เกษตรออนไลน์ เกษตรกรรมยั่งยืนตำบล เกษตรอินทรีย์ เกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง เกษตรคาร์บอนต่ำเพิ่มรายได้ลดโลกร้อน พัฒนาโลจิสติกส์เกษตร เชื่อมเกษตรไทย เชื่อมตลาดโลก ประกันภัยพืชผล ประมงและปศุสัตว์
ส่งเสริมพลังงานทดแทนทุกรูปแบบในภาคการเกษตรเช่นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ พลังงานชีวมวลและพลังงานแก๊สชีวภาพ ฯลฯ ส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต เกษตรอินทรีย์และอาหารฮาลาล การบริหารจัดการน้ำมิติใหม่ ชลประทานอัจฉริยะ ขยายเขตชลประทานเป็น 50 % พัฒนาแหล่งน้ำใหม่ ชลประทานตำบล ธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบส่งน้ำแบบใหม่ เพิ่มแก้มลิงและสระน้ำในพื้นที่เกษตรของเกษตรกร
นาย นิกร จำนง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นโยบายด้านการเกษตร คือ1ใน 9 นโยบายหลัก ที่ยิ่งใหญ่กว่าเศรษฐกิจ เพราะเป็นโครงสร้างหลักของประเทศ การนำเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้จะเป็นทางออกของเกษตกรไทยที่ยังยากจนอยู่ ส่วนการตลาดต้องใช้ระบบสหกรณ์นำ ไม่งั้นจะถูกกินโดยบริษัทใหญ่
เกษตรกรต้องเข้าถึงแหล่งเงินโดยเฉพาะรายย่อย ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรร์การเกษตร( ธกส.) นั้น ต้องให้การสนับสนุน แทนเป็นองค์กรที่หากินกับเกษตรกร
" งบประมาณแต่ละปีที่ลงไปกับภาคการเกษตร กว่า 1.2 แสนล้าน นั้นไม่มากเลย แต่น้อยไปด้วยซ้ำ เพราะเกษตรกรคือคนกลุ่มใหญ่ของโครงสร้างทั้งหมด ถ้ายังมีปัญหาอยู่ก็ขับเคลื่อนประเทศไม่ได้ ที่สำคัญเมื่อโลกให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อน อีกไม่กี่ปีการทำนาของไทยจะถูกสหภาพยุโรปหรืออียู สร้างข้อกีดกันเรื่องการปล่อยแก๊สมีเทน ซึ่งภาคการเกษตรต้องปรับตัว การยึดตลาดอาหารปลอดภัยได้จะทำใหไมีมีโอกาสในตลาดโลกมากขึ้น"
นายมนตรี บุญจรัส พรรคประชาชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนไทยเก่งมากแต่ไม่มีโอกาส เกษตรกรมีหนี้สินจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาด ขาดที่ดินทำกิน และรายได้ลดลง ดังนั้นรัฐบาลต้องพิจารณา และหาโอกาสจากประชากรของโลกที่เพิ่มขึ้น ความต้องการอาหารก็จะมากขึ้น
โดยประเทศไทยมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ดีมาก บ้วนเม็ดเงาะทิ้งยังโตและให้ผล หากเกษตรกรได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง ทั้งด้านการผลิต คุณภาพมาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความมั่นคงให้เกษตรกร1.1ล้านครัวเรือน จัดสรรที่ดินทำกันโดยใช้พื้นที่ป่าที่ไม่เหลือสภาพแล้ว 50 % พื้นที่ สปก.มาใช้ประโยชน์เชิงเกษตร ทั้งหมดจะสนับสนุนให้ไทยเป็นครัวโลกได้
ซึ่งพรรคประชาชาติ มีนโยบาย ทำปุ๋ยจากขยะเพื่อทดแทนปุ๋ยเคมี ให้เกษตรกรลด ละ เลิก ผลิตเกษตรปลอดภัย ให้ไทยเป็นฐานอาหารปลอดของโลก
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคเดียวที่ไม่เน้นแจกเงิน และมุ่งสู่เกษตรแปรรูป รวมกลุ่มสหกรณ์เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและสามารถแข่งขันในตลาดได้ ในขณะที่เกษตรกรจะมีรายได้จากหุ้นได้ด้วย
สำหรับภาคการผลิต พรรคจะสร้างแอพพลิเคชั่น ที่รวบข้อมูลของทุกหน่งยงานภายใต้กระทรวงเกษตรฯมีข้อมูลให้เกษตรกรตัดสินใจ เชื่อมโยงกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง สามารถผลิตสินค้าได้ทั้งเกษตรปลอดภัย และอินทรีย์ ตามความเหมาะสมของพื้นที่นั้นๆ ข้อมูลในแอลิเคชั่นจะเตือนภัยโรคระบาดล่วงหน้าเพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้ด้วย
ปัจจุบันแม้กระทรวงเกษตรจะมีแอพพลิเคชั่น Farmer 1 แต่ดูไม่รู้เรื่อง มีคนเข้าไปดู น้อยกว่าแจ๊สสปุกนิคอีก
“เรายึดติดกับการแจก ไม่ได้ยึดระบบ เราต้องเป็นเกษตรสมัยใหม่ เราต้องฉีก และรวมกลุ่มสหกรณ์ เข้าตลาดสร้างการเข้มแข็ง เพื่อสร้างโอกาสการเปิดตลาดเสรีด้วย ”
นายพงศา ชูแนม พรรคกรีน กล่าวว่า มีแผนเศรษฐกิจกรีน 10 แผน เริ่มจากเปลี่ยนคนจนให้มั่งมี ตั้งโรงรับจำนำต้นไม้ เพื่อผลักดันให้มีพื้นที่สร้างคาร์บอนฟรุ๊ตปริ้นมากขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้ทั้งขายต้นไม้ ขายคาร์บอน และยังสามารถใช้เป็นพลังงานให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ด้วย ซึ่งต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ทันเวียดนามที่มีรายได้จากการขายไม้ถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี
น.สพ.ชัย วัชรงค์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนในภาคการเกษตรมีเยอะ แต่สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้ 8.5 % เท่านั้น การแก้ปัญหา เพื่อไทยจะเริ่มจากการ 1. พักหนี้ 3 ปีสร้างรายได้ 3 เท่าเพื่อให้เกษตรกรหลุดจากความยากจน ตั้งหลักได้รายได้ใหม่
2. จะเร่งสำรวจแก้กฎหมายพิสูจน์สิทธิ เพื่อออกฉโนดที่ดิน 50 ล้านไร่ ในที่ สค1. สปก. ที่ป่าเสื่อมโทรม ที่บนที่ราบสูง ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องปลูกป่า ครึ่งหนึ่ง 3. เพิ่มรายได้ 4 ปี 3 เท่า จากปัจจุบันที่เกษตรกรได้ 1 หมื่นบาทต่อไร่ต่อปี นั้นน้อยมาก จะยกระดับเป็น 3 หมื่นต่อไร่ต่อปี ผลักดันให้จีดีพีจะเพิ่มเป็น 24% ทันที
4.ใช้ตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้ จากที่เช็คแล้วตัวสินค้าที่ผลิตล้นจริงๆ คือข้าว ใช้พื้นที่ปลูกเยอะมาก จะเปลี่ยนให้ปลูกพืชอื่น 20 ล้านไร่ แบบสมัครใจผลิตสินค้าที่ตลาด ช่วงเปลี่ยนแผ่านจะได้รับเิน 3000 บาท เช่นการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีราคานำร่อง10บาทต่อกิโลกรัม ภายใต้เงื่อนไขห้ามเผา ปลูกถั่วเหลือง เลี้ยงโคเนื้อ เปลี่ยนที่นามาปลูกหญ้า และทุเรียน เป็นต้น
นายศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จะใช้เงิน 1.5 แสนล้านบาท สำหรับการวิจัยพัฒนา ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่่มให้กับสินค้ามุ่งสู่ตลาดบน ซึ่งคนไทยมีศักยภาพแต่ไม่สามารถเดินหน้าต่อเพราะสินค้าของไทยยังขายในลักษณะของวััตถุดิบเป็นส่วนใหญ่ จำเป็นต้องปลุกเกษตรกร และติดดาบเพื่อให้ต่อสู้ในเวทีโลกให้ได้
น.ส. ณัฐพร อาจหาญ พรรคสามัญชน กล่าวว่า ตราบใดที่เกษตรกร ไม่มีที่ดินทำกิน จะไม่มีความมั่นคง ไม่ว่าจะสนับสนุนแค่ไหน สุดท้ายจะเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาผูกขาด เมื่อเราเห็นว่าอาหาร มีความสำคัญ ต้องสนับสนุนให้คนในประเทศเข้าถึง อาหารที่ปลอดภัยก่อนเป็นเรื่องแรก
ซึ่งปัจจัยต้องควบคุม ในขณะที่เรื่องน้ำ จะต้องพิจารณาเชิงระบบนิเวศ ของพื้นที่แต่ละแห่งด้วย กรณีอีสาน ที่พื้นดิน มีโปรแตสเซียม จะขุดขึ้นมาใช้ ต้องระวังเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
ดร.บุรินทร์ สุขพิศาล พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เกษตรอินทรีย์จะเป็นหนทางในการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งพรรคจะเติมทุน 3 หมื่นบาทต่อครัวเรือน แบบมีเงื่อนไขเพ่ื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มผลผลิต
รวมทั้งจะสนับสนุนให้เกิดการแปรรูปสินค้า ด้วยเทคโนโลยีขึ้นสูง เช่น ใช้แอลกอฮอล์จากอ้อย น้ำมันปาล์ม ผลิตเป็นเชื้อพลังเครืองบินเป็นต้น ทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และ ยังดีต่อสภาพแวดล้อมด้วย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ