กนอ. คุย JFCCT สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ดันไทยเป็นฐานการลงทุน
กนอ. หารือ หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ชวนลงทุน 2 พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม EEC และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ย้ำไทยเหมาะเป็นฐานการลงทุนพลังงานสะอาด ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กนอ. ได้ประชุมร่วมกับนางวิเบค ลิสซานด์ เลียร์วาก คอนเซลวาน ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) และสมาชิกหอการค้าต่างประเทศ จำนวน 34 ประเทศ จากทั่วทุกภูมิภาค อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อินเดีย และตุรกี เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม สิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
ทั้งนี้ กนอ.ได้นำเสนอภาพรวมของนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ 1.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมการจัดการพลังงานภายในนิคมอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานไฮโดรเจน และพลังงานชีวภาพ
และ 2.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) และนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยได้ย้ำถึงศักยภาพความพร้อมของการเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาค ความพร้อมของแรงงานที่มีคุณภาพและสามารถปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตได้ ที่สำคัญคือ สภาพแวดล้อมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติ เพราะที่ผ่านมามีนโยบายเปิดรับและสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“กนอ. มีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องขั้นตอนกระบวนการด้านการลงทุน การอนุมัติ-อนุญาต ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ทั้งนี้ด้าน JFCCT พร้อมเป็นสื่อกลางสนับสนุนข้อมูลการลงทุนให้แก่บริษัทสมาชิกภายใต้หอการค้า เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือด้านการลงทุนในอนาคต รวมถึงการพัฒนาทักษะของทรัพยากรบุคคลและแรงงานร่วมกันด้วย”
สำหรับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chamber of Commerce in Thailand : JFCCT) เป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนของต่างชาติ การพัฒนาทักษะ และมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในประเทศไทย มีสมาชิกหอการค้ากว่า 34 ประเทศ มีบริษัทเป็นสมาชิกกว่า 9,000 บริษัท ให้คำแนะนำ การค้า การลงทุนของต่างชาติในประเทศไทย รวมถึงให้ข้อสังเกตต่อกฎระเบียบในการดำเนินธุรกิจของไทย เพื่อเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจลงทุน หรือมาประกอบธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น
“ทั้งนี้นักลงทุนมองว่าไทยมีความโดดเด่น มีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและมีคุณภาพสูงที่สุดในภูมิภาค ทั้งถนน ท่าเรือสนามบิน นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่รองรับการลงทุน และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล นอกจากนี้ ไทยยังมีห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจรที่สุดในภูมิภาค สามารถรองรับอุตสาหกรรมหลักๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือเคมีภัณฑ์”
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ