เตือน "ดับเบิ้ลเอลนีโญ" เริ่มแล้ว คาดลากยาวถึงปี 68

ดร.ธรณ์ โพสต์เตือน "ดับเบิ้ลเอลนีโญ" เริ่มแล้ว คาดลากยาวต่อเนื่องถึงปี 68 ทุบรายได้เกษตรวูบ 5% เสี่ยงภัยทั้งไฟป่า ฝุ่นพิษ โลกร้อนหนุน ขณะปรากฎการณ์ในทะเลเริ่มเห็นชัดจากปะการังฟอกขาว น้ำเปลี่ยนสีต่อเนื่อง แนะจับตาอย่างใกล้ชิดพร้อมเตรียมรับมือ
 
 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก  “Thon Thamrongnawasawat  อัพเดทสถาการณ์เอลนีโญว่า จากที่เพิ่งมีโอกาสคุยกับ ดร.ชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการ และผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ Team Group และนายกสมาคมวิศวกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย และ ดร.วิษณุ อรรถวานิช สองผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในรายการของนายสุทธิชัย หยุ่น
 
จึงอยากสรุปสถานการณ์ให้ทราบว่า เอลนีโญเริ่มต้นแล้ว และจะลากยาวไปอย่างน้อยถึงต้นปีหน้า ซึ่งแบบจำลองทำนายให้แม่นยำได้ประมาณนั้น หลังจากนั้นยังบอกไม่ได้ หน้าฝนของภาคเหนือ กลาง อีสานมี 2 ช่วง เวลานี้ผ่านช่วงแรกไปแล้ว ฝนน้อยกว่าปกติประมาณ 20% ฝนจะทิ้งช่วงกลับมาอีกทีกลางสิงหาคม ต้นทุนน้ำก่อนเข้าหน้าฝน มีน้ำในเขื่อน/ระบบชลประทาน 35% เนื่องจากฝนช่วงแรกน้อย การเก็บน้ำจึงไม่ได้มาก ต้นทุนน้ำตอนนี้จึงน่าเป็นห่วง
 
 
ทั้งนี้ ขึ้นกับฝนช่วงสองว่าจะทำได้แค่ไหน ยังขึ้นกับการปรับตัวของภาคเกษตร ที่จะใช้น้ำแบบเดิมไม่ได้ อย่าให้ความเคยชินใน 2-3 ปีก่อนมาลวงตา พื้นที่เกษตรของไทยค่อนหนึ่งอยู่นอกพื้นที่ชลประทาน ซึ่งตรงนั้นยิ่งมีน้ำน้อยเข้าไปใหญ่ ผลผลิตการเกษตรจะลดลง เช่น ข้าว อ้อย ทุกฝ่ายออกมาเตือนเรื่องการใช้น้ำในภาคการเกษตร ผลกระทบทั่วอาเซียน อินโดนีเซียอาจโดนหนัก เวียดนามก็ลำบาก เพราะน้ำเค็มหนุนส่งผลเยอะมากในพื้นที่ปลูกข้าวปากน้ำโขง
 
คาดการณ์จากเอลนีโญในอดีตว่า รายได้เกษตรกรไทยอาจลดลง 5% (เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นกับว่าแรงแค่ไหนและการรับมือว่าทำแค่ไหน) นอกจากนี้ยังมีผลกระทบในด้านอื่น ๆ ยังมีอีกมาก เช่น ไฟป่า/ฝุ่น ฤดูฝุ่นปีนี้จะยาวนานและแรงกว่าปีก่อน ยังรวมถึงฝุ่นจากไฟป่าข้ามพรมแดนจากอินโดที่ต้องตามดูในภาคใต้ ปีนี้อาจรุนแรง สิงคโปร์เริ่มเตือนพลเมืองแล้ว (ไฟอินโดอินเซียจะเริ่มช่วงกลางปี)
 
"เอลนีโญ" แรงตั้งแต่กันยายนไปจนถึงต้นปีหน้า เป็นช่วงหน้าฝนภาคใต้ หลายคนจึงออกมาเตือนว่าภาคใต้ต้องระวังเรื่องน้ำให้ดีเพราะฝนปีนี้อาจน้อย เพื่อนธรณ์ที่ทำงานโรงแรม/ภาคบริการหรือกิจการอื่น ๆ ที่ต้องการน้ำมาก ให้มองทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าด้วย น้ำอาจหายาก/แพง กรณีแย่สุดคือเจอดับเบิ้ลเอลนีโญ ต่อเนื่องจากปีนี้ถึงปี 68
 
อันนั้นจะแย่จริงเพราะปีนี้เรายังมีต้นทุนน้ำจากปีที่แล้ว (ลานีญา) แต่ปีนี้แล้ง ปีหน้าแล้งซ้ำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันสถานการณ์นั้นในตอนนี้ได้ เพราะไกลไปเกินทำนายในทะเลเริ่มเห็นชัดแล้ว จากปะการังฟอกขาว น้ำเปลี่ยนสีต่อเนื่องถึงช่วงนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือปีหน้าจะเป็นอย่างไร หากเกิด "ดับเบิ้ลเอลนีโญ" ทะเลเดือดร้อนหนักแน่ ๆ
 
คำแนะนำสำหรับเพื่อนธรณ์คือติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด น้ำน้อย/น้ำเค็มหนุน/ฝุ่นเยอะ/อากาศร้อน/ทะเลร้อน คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัวรับมือไว้ การเยียวยาจากภาครัฐอาจมีบ้าง แต่ผลกระทบจากเอลนีโญคือเหนือจรดใต้ไปถึงทะเล จะเยียวยาไหวไหม ? สิ่งที่เรากำลังจะเจอ ไม่เหมือนที่เคยเกิดมา เพราะเรามีโลกร้อนมาหนุน
 
WMO เรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า Double Whammy เป็นสิ่งที่เราจะเผชิญต่อไป ทั้งเอลนีโญและลานีญา ในภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้นทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ารัฐบาลต้องเร่งยกระดับประเด็นนี้ และหาทางรับมืออย่างจริงจัง ใช้งบประมาณให้ถูกจุดเพื่อการวางแผนรับมือในระยะต่าง ๆ นอกจากรับมือกับปีนี้ จะได้ปรับตัวเตรียมรับมือกับระยะต่อ ๆ ไปที่ในอนาคตเราจะเจออีกปีนี้หรือปีหน้า อุณหภูมิโลกจะร้อนทำลายสถิติเดิม
 
"เศร้าแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ถึงตอนนี้สิ่งที่ทำได้นอกจากลด GHG เพื่อลูกหลาน เราคงต้องหาทางดีที่สุดเพื่อตัวเอง บททดสอบแรกมาถึงแล้วครับ"
 
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)