ธุรกิจท่องเที่ยวชงวีซ่าฟรี "อินเดีย-ไต้หวัน" หวังเฟส 2 เริ่มเทศกาลปีใหม่
ภาคธุรกิจกางสารพัดปมฝ่าโจทย์หินเคลื่อนท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจชิงโอกาสนานาประเทศ ค้าปลีกเตรียมหารือนายกฯ เสนอวาระด่วนกระตุ้นทัวริสต์ใช้จ่ายควบคู่ เสนอสร้างแซนด์บ็อกซ์ "ภูเก็ต" เมืองปลอดภาษี "แอตต้า" อ้อนขอ "วีซ่า-ฟรี" เฟส2 ตลาด "อินเดีย-ไต้หวัน" หวังเริ่มปีใหม่ 67
Key Points:
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการกางสารพัดปมฝ่าโจทย์หินเคลื่อน "ท่องเที่ยว" ในฐานะเครื่องยนต์หลักฟื้นเศรษฐกิจ ชิงโอกาสแข่งกับนานาประเทศ
ธุรกิจค้าปลีกเตรียมหารือนายกฯ เศรษฐา เสนอวาระด่วนกระตุ้นทัวริสต์ใช้จ่ายควบคู่ เสนอสร้างแซนด์บ็อกซ์ “ภูเก็ต” เมืองปลอดภาษี
“แอตต้า” อ้อนขอ “วีซ่า-ฟรี” เฟส 2 ตลาด“อินเดีย-ไต้หวัน” หวังเริ่มเทศกาลปีใหม่ 2567 จี้เร่งเครื่องฟื้นความเชื่อมั่น “เที่ยวไทยปลอดภัย” กู้ยอด “นักท่องเที่ยวจีน”
อีกประเด็นสำคัญคือต้องเร่งวางแผนบริหารขีดความสามารถ รองรับรัฐบาลปรับเป้าทัวริสต์ต่างชาติปี 67 เพิ่มเป็น 40 ล้านคนเท่าปี 2562 ก่อนโควิดระบาด
หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย. มีมติเห็นชอบมาตรการยกเว้นการขอวีซ่า หรือ วีซ่า-ฟรี (Visa-Free) หรือเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เป็นระยะเวลา 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 – 29 ก.พ. 2567 ครอบคลุมช่วงโกลเด้นวีคหรือวันหยุดยาว 3 ช่วงสำคัญของชาวจีน ได้แก่ วันชาติจีน (1 ต.ค.) เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน หวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยอย่างเร่งด่วน (Quick-Win) ด้านภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างตอบรับข่าวดีนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ยังมองว่ารัฐบาลสามารถเพิ่มประเทศเป้าหมายให้วีซ่า-ฟรีได้อีก ผลักดันโอกาสนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึงเป้าหมายใหม่ 40 ล้านคนในปี 2567
นายกฯ เศรษฐา ขอเวลาพิจารณาเพิ่มประเทศให้ 'วีซ่า-ฟรี'
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จะมีการพิจารณามาตรการวีซ่า-ฟรีแก่นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาในหลายมิติ เพราะประเทศไทยก็ต้องการสิ่งตอบแทนบ้างเช่นกัน จึงต้องขอเวลาพิจารณาก่อน ทั้งนี้จะพยายามให้ทันช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ซึ่งกำลังจะถึงในปลายปีนี้
นอกจากนั้น จะมีการขยายเวลาพำนักให้กับนักท่องเที่ยวจากบางประเทศที่ไม่ต้องยื่นขอวีซ่าอยู่แล้ว หรือประเทศที่มีอากาศหนาวมากๆ ซึ่งบางครั้งต้องการพำนักในประเทศไทยมากกว่า 30 วัน โดยอาจจะพิจารณาเป็นรายประเทศด้วยการเอาข้อมูลและสถิติมาทำการศึกษาก่อน หากบริหารให้ดีและมีระบบ เชื่อว่าทุกฤดูกาลจะเป็นไฮซีซันของภาคการท่องเที่ยวไทย
นายกฯเร่งพีอาร์เชิงรุกปลุกจีนเที่ยวไทย
นายเศรษฐา กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16-17 ก.ย. ว่า หลังจาก ครม. เห็นชอบมาตรการวีซ่า-ฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการไปบ้างแล้ว เห็นว่ามียอดจอง (บุ๊กกิ้ง) กระเตื้องเข้ามาอย่างมีนัยยสำคัญ ตรงนี้ตนไม่ห่วงว่าจะมีคนมาเที่ยวจำนวนมาก เพราะมาเที่ยวกันมากก็เป็นเรื่องดี แต่ปัญหาที่อาจตามมาคือเรื่องความมั่นคง โดยได้สั่งการผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆ ใน จ.เชียงใหม่ ว่าเรื่องนี้สำคัญ และอย่าให้บกพร่องเรื่องธุรกิจสีเทารวมถึงเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ดีงาม รุกรานการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ความปลอดภัยและความมั่นใจของนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้ประเทศไทยเองก็แย่งชิงนักท่องเที่ยวจีน และรู้ดีว่าเศรษฐกิจจีนไม่ดี ชาวจีนก็อยากจะไปประเทศที่ปลอดภัยที่สุด จึงต้องเร่งหาวิธีทำพีอาร์เชิงรุกเพื่อดึงนักท่องเที่ยวจีนให้เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น”
แนะมาตรการหนุนทัวริสต์ใช้จ่ายควบคู่
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การขับเคลื่อนประเทศไทยของรัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายและมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในทุกภาคส่วนให้มากที่สุด โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งโฟกัสหัวเมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลัก อย่างเช่น จังหวัดภูเก็ต
การวางนโยบาย “วีซ่าฟรี” นักท่องเที่ยวต่างชาติ นับเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันคือ การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดการใช้จ่ายผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การเปิดเสรีกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ หรือ สินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งปัจจุบันอัตราภาษีของไทยสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถ Maximize ในเรื่องการท่องเที่ยวได้ดี รวมถึงการเร่งเจรจาเอฟทีเอ เพื่อผลักดันลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย
"มีความหวังมากที่จะทำให้ภูเก็ตเกิดความโชติช่วงชัลวาลย์ แต่สิ่งทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ ต้องทำให้เป็นฟรีโซน ปลอดภาษี หลังจากนั้นค่อยขยายไปพื้นที่อื่นๆ ซึ่งในเรื่องสินค้าฟุ่มเฟือย สะท้อนชัดเจนจากไลฟ์สไตล์คนไทย เมื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศนิยมใช้จ่ายสินค้าแบรนด์เนม หากอยากให้เงินอยู่ในประเทศไทย ก็ควรพิจารณาการปรับภาษีให้สอดคล้อง เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวอยู่ในไทยมากขึ้น รัฐบาลเองจะได้ภาษี VAT มากขึ้น เอกชนก็จะนำส่งภาษีมากขึ้นเช่นกัน”
เตรียมหารือนายกฯ วาระด่วนฟื้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เตรียมที่จะขอเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังเสร็จสิ้นการเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจการประชุมที่ประเทศสหรัฐ เพื่อร่วมนำเสนอแนวทางกระตุ้นภาคค้าปลีกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งภาคค้าปลีกมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนมาก โดยกลุ่มเอสเอ็มอีคิดเป็นสัดส่วนสองในสามของการจ้างงานและอีโคซิสเต็มของภาคค้าปลีกและบริการภายในประเทศ
“รัฐบาลต้องดูแล บาลานซ์ในเรื่องการเปิดเสรีสินค้าให้ดี หากเปิดมากเกินไปทำให้สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาและมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจเอสเอ็มอี จึงควรมีแนวทางสนับสนุนให้เอสเอ็มอีแข็งแรงด้วย”
สำหรับการดำเนินโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” อยากให้มีการร่วมหารือกับภาคเอกชน เพื่อวางแนวทางและส่งเสริมให้เกิดผลกระทบเชิงกว้างตามเป้าหมายรัฐบาลให้สามารถเกิดการหมุนเงิน 3-5 รอบ อย่างไรก็ดี เบื้องต้นประเมินว่า หากขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรกได้สำเร็จ จะส่งผลให้กำลังซื้อเติบโต “เท่าตัว” ภายในระยะเวลา 6-7 เดือน ส่วนภาครวมธุรกิจค้าปลีกปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 3-5%
กระตุ้นดีมานด์โรงแรม-รีสอร์ต
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2566 มีทิศทางที่ดีขึ้น จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะการเปิดวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเริ่มใช้ก่อนช่วงวันหยุดยาว หรือ โกลเดน วีคเอนด์ของประเทศจีน ส่งผลดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ รวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น
สอดคล้องกับนายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) มองว่า นโยบายวีซ่า-ฟรีแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนจะส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมาก เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทโดยตรง ยิ่งประกาศใช้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก จะทำให้ภาคท่องเที่ยวไฮซีซันนี้คึกคัก
อานิสงส์วีซ่าฟรีหนุนคนจีนซื้อคอนโด
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว นโยบายวีซ่าฟรี เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพราะช่วยอำนวยสะดวกสบายในการเดินทางให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่อยากมาท่องเที่ยวไทย ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 20% ของจีดีพี
“นักท่องเที่ยวจีน มีสัดส่วนใหญ่ในธุรกิจท่องเที่ยวไทย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกนโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวจีนเป็นปัจจัยสนับสนุนการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยของคนต่างชาติในปี 2566 จากครึ่งแรกของปีนี้มียอดโอนแล้ว 7,338 หน่วย มูลค่าการโอน 35,211 ล้านบาท
ทั้งนี้ สัดส่วนลูกค้าชาวจีนยังคงซื้อห้องชุดมากที่สุดอยู่ที่ 16,992 ล้านบาท คาดการณ์ตลอดปีนี้จะมีมูลค่าโอนกว่า 30,000 ล้านบาท รองลงมา รัสเซีย 2,556 ล้านบาท สหรัฐ 1,289 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 1,287 ล้านบาท เมียนมา 1,274 ล้านบาท ฝรั่งเศส 1,127 ล้านบาท ไต้หวัน 1,089 ล้านบาท เยอรมนี 1,087 ล้านบาท อินเดีย 845 ล้านบาท และญี่ปุ่น 592 ล้านบาท
“กำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ โดยเฉพาะกลุ่มกลาง-ล่าง จะเห็นได้ว่าตัวเลขกู้ธนาคารไม่ผ่านสูง ทำให้ยอดขายและยอดโอนคอนโดครึ่งปีแรกลดลง แต่หวังว่าการเปิดวีซ่าฟรีจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทำให้บรรยากาศคึกคัก เกิดการบริโภคภายในประเทศและตลาดคอนโดจะได้อานิสงส์ไปด้วย จากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งต้องการมีบ้านหลังที่สองในไทยจำนวนไม่น้อย”
จี้ฟื้นเชื่อมั่นจีนแก้ข่าวลือ ‘เที่ยวไทยไม่ปลอดภัย’
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนในช่วงไฮซีซันมาเที่ยวไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าชั่วคราว 5 เดือน แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญคือทัศนคติของชาวจีนที่มองว่ามาเที่ยวไทยไม่ปลอดภัย ทั้งจากข่าวลือเชิงลบสะพัดบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ TikTok เกี่ยวกับการลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่และตัดอวัยวะขายซึ่งเกิดในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ในไทย ประกอบกับมีภาพยนตร์เรื่องดังแนวอาชญากรรมเข้าฉายในจีนตอนนี้ ทำให้เกิดการเหมารวมมองว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย เป็นจุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มั่นใจในการเดินทาง และเลือกเดินทางไปจุดหมายปลายทางอื่นแทน เช่น นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงสิงคโปร์ และมาเลเซีย
“เมื่อรัฐบาลไทยออกมาตรการวีซ่าฟรีกระตุ้นตลาด ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีการเสนอมาตรการวีซ่าฟรีแก่ตลาดจีนมาก่อน มีแค่มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเท่านั้น เช่น ตอนเกิดเหตุเรือล่มภูเก็ตปี 2561 ทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถไปอธิบายและนำเสนอขายแพ็กเกจท่องเที่ยวไทยกับนักท่องเที่ยวจีนได้ว่า ประเทศไทยให้เกียรติและให้ความสำคัญกับชาวจีน เหมือนเป็นแขกวีไอพี ถ้าไม่ไปเที่ยวไทยตอนนี้ จะไปเที่ยวไทยตอนไหน ถือเป็นข่าวเชิงบวกให้เรา ท่ามกลางข่าวลือเชิงลบที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย”
และตามที่นายเศรษฐา นายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีนช่วงต้นเดือน ต.ค. 2566 ภาคเอกชนท่องเที่ยวต้องการให้นายกฯ สื่อสารกับรัฐบาลจีน แก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับข่าวลือเชิงลบที่มีต่อประเทศไทยดังกล่าวข้างต้น
“การจะขับเคลื่อนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติไปถึงเป้าหมาย 40 ล้านคนของรัฐบาล กลับไปเท่ากับปี 2562 ที่เคยได้จำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง ถ้ารัฐบาลช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะสายการบินให้กลับมาเปิดบริการเส้นทางบินตามปกติ”
ขณะเดียวกัน ถ้าจะไปถึงเป้านั้นได้ ต้องมุ่งดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ (Short-Haul) เข้ามาให้มากขึ้นในปี 2567 โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้กลับมาเท่าเดิมที่ 11 ล้านคน หลังปีนี้ลุ้นตลาดจีนเที่ยวไทยไปให้ถึง 4-4.5 ล้านคน แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากสถิติล่าสุดตั้งแต่1 ม.ค.-10 ก.ย. มีนักท่องเที่ยวจีนสะสม 2.28 ล้านคน ต้องทำให้ได้อีกอย่างน้อย 5-6 แสนคนต่อเดือนในช่วง 4 เดือนสุดท้าย ถึงจะเห็นตัวเลขจีนเที่ยวไทยปิดสิ้นปีนี้ที่ 4.5 ล้านคน
รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ เช่น มาเลเซีย เคยเดินทางเข้าไทยสูงถึง 4.2 ล้านคน สามารถผลักดันยอดให้ไปถึง 4.5-5 ล้านคนในปีหน้าก็ย่อมได้ ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ยังฟื้นตัวค่อนข้างช้ามาก เพิ่งฟื้นกลับมาแค่ 30% ของตลาดชาวญี่ปุ่นเที่ยวไทยทั้งหมด และส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ
หนังดัง ‘No More Bets’ สั่นคลอนทัวริสต์จีน
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการ แอตต้า กล่าวเสริมว่า ปัญหาและอุปสรรคอื่นๆ ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไข คือปัญหาภาพลักษณ์ จากข่าวอาชญากรรมและข่าวลือเชิงลบที่ยังติดค้างบนโลกโซเชียลมีเดียในประเทศจีนมานานกว่า 3 เดือน รวมถึงผลกระทบจากกระแสของภาพยนตร์จีนเรื่องดัง “No More Bets” ซึ่งทำรายได้ทะลุ 3,700 ล้านหยวนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขึ้นแท่นภาพยนตร์จีนทำเงินสูงสุดในปีนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ต้มตุ๋นทางออนไลน์ที่หาเหยื่อไปร่วมขบวนการจากเหล่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เมื่อหลายปีก่อน ไทยเคยได้อานิสงส์จากหนังจีนเรื่อง “Lost in Thailand” จุดกระแสความนิยมดึงนักท่องเที่ยวจีนมาไทย สร้างแรงส่งการเติบโตดีต่อเนื่องจนในปี 2562 ก่อนโควิดระบาด มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 11 ล้านคน แต่เที่ยวนี้เราอาจจะเสียจากหนังเรื่อง No More Bets เพราะมีผลต่อทัศนคติชาวจีนค่อนข้างมาก ถือเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องรีบแก้ และนายกฯ เศรษฐาต้องเข้าไปคุยกับรัฐบาลจีน เพื่อดำเนินความสัมพันธ์ที่ดีและเรียกความเชื่อมั่นกลับมา”
นอกจากนี้ ต้องการให้รัฐบาลจัดทำเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย (Social Listening Tools) ขึ้นมาในการจับกระแสทั้งเชิงบวกและเชิงลบอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวไทยจัดเตรียมแผนรองรับได้ทันท่วงที
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ