"ญี่ปุ่น" แชมป์ลงทุนไทย เผย 8 เดือนต่างชาติขนเงิน 6 หมื่นล้านลงทุนในไทย

ไทยยังเนื้อหอม ต่างชาติแห่ลงทุนต่อเนื่อง 8 เดือนขนเงินลงทุนในไทยกว่า 6 หมื่นล้าน ญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนอันดับหนึ่งมูลค่า 21,981 ล้านบาท  ตามด้วยสิงคโปร์ 13,995 ล้านบาท และจีน 11,851 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 4,491 คน
 
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนของปี 2566 (มกราคม - สิงหาคม) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 435 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 145 ราย
และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 290 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 65,790 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 4,491 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก
 
ได้แก่ ญี่ปุ่น เงินลงทุน 21,981 ล้านบาท สิงคโปร์ เงินลงทุน 13,995 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 71 ราย เงินลงทุน 3,070 ล้านบาท จีน 31 ราย เงินลงทุน 11,851 ล้านบาท และฮ่องกง 19 ราย เงินลงทุน 5,359 ล้านบาท
 
เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 54 ราย คิดเป็น14% (เดือน ม.ค. - ส.ค.2566 อนุญาต 435 ราย / เดือน ม.ค. - ส.ค.2565 อนุญาต 381 ราย) มูลค่าการลงทุนลดลง 17,492 ล้านบาท คิดเป็น 21% (เดือน ม.ค. - ส.ค.2566 ลงทุน 65,790 ล้านบาท / เดือน ม.ค. - ส.ค.2565 ลงทุน 83,282 ล้านบาท)
 
และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 729 ราย คิดเป็น 19% (เดือน ม.ค.- ส.ค.2566 จ้างงาน 4,491 คน / เดือน ม.ค. - ส.ค.2565 จ้างงาน 3,762 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565
 
รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการอัดฉีดซีเมนต์ในหลุมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการขุดสถานีใต้ดิน องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาในการใช้งานยางล้ออากาศยาน เป็นต้น
 
ในขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC 86 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 14,283 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ลงทุน 6,216 ล้านบาท จีน ลงทุน 1,053 ล้านบาท ฮ่องกง ลงทุน 4,046 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ ลงทุน 2,968 ล้านบาท
 
โดยธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ , บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การเลือกใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์การวางแผนติดตั้งและทดสอบการทำงานของเครื่องจักร วางแผนประเมินความเสี่ยงและความปลอดภัยในการทำงานสำหรับการใช้เครนหรือเครื่องจักรในการเคลื่อนย้ายสินค้า เป็นต้น ,บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม ,บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ และ บริการออกแบบแม่พิมพ์โลหะสำหรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
 
   เฉพาะเดือนสิงหาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 58 ราย เป็นการลงทุนผ่านการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 23 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 35 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,840 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 897 คน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง
 
รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้สลิงและอุปกรณ์ช่วยยกในงานขุดเจาะ และองค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการผสมผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร (HACCP) เป็นต้น
 
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
 

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)