3 องค์กรผนึก 10 หน่วยงาน เชื่อมโยงข้อมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ลดต้นทุน 7 พันล้าน
หอการค้าฯ - ก.พ.ร. - กรมพัฒนาธุรกิจฯ ผนึก 10 หน่วยงาน เชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดภาระซ้ำซ้อน คาดลดต้นทุนผู้ประกอบการ 7 พันล้าน
วันที่ 23 เมษายน 2567 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จับมือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าว การผนึกกำลัง 10 หน่วยงานรัฐ จัดการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องเซ็นสำเนา ไม่ต้องเรียกเอกสาร ลดภาระซ้ำซ้อน ตอบโจทย์ ความต้องการภาคธุรกิจและประชาชน คาดประหยัดต้นทุนของ ประชาชนและผู้ประกอบการได้ถึงปีละ 7,000 ล้านบาท
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ คือ ระบบบริการภาครัฐที่สะดวกและรวดเร็ว ในการติดต่อ ขออนุมัติ อนุญาตจากทางราชการ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการอาจต้องเซ็นสำเนาเอกสารจำนวนมากในการยื่นเรื่องต่าง ๆ แต่ปัจจุบัน ภาครัฐได้พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์จากการผลักดันและขับเคลื่อนของ กพร.และ กรมพัฒน์ ทำให้เกิดการผนึกกำลัง 10 หน่วยงานรัฐนำร่องที่พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจและประชาชน โดยไม่ต้องเรียกเอกสารและไม่ต้องเซ็นสำเนา
ทั้งนี้ การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลครั้งนี้ จะสามารถลดกระบวนงานที่เรียกเอกสารลงได้ถึง 392 กระบวนงาน คิดเป็นต้นทุนที่ลดลงได้เกือบ 800 บาทต่อธุรกรรม โดยเมื่อคำนวณจากธุรกรรมภาพรวมที่มีอยู่ถึง 8.8 ล้านธุรกรรมต่อปี
ปัจจุบัน พบว่า จะสามารถสร้างผลการประหยัดทางเศรษฐศาสตร์ได้ราว 7,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งมิติด้านระยะเวลา การใช้เอกสาร ต้นทุนทางบัญชีและค่าเสียโอกาสในการทำงาน ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบความสำเร็จในการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในระบบ การให้บริการภาครัฐ ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับแนวทางของประเทศเอสโตเนียที่เป็นต้นแบบการนำระบบบริการภาครัฐแบบดิจิทัลมาให้บริการเพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวให้กับภาคธุรกิจและประชาชน
ด้านนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก.พ.ร. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน ก.พ.ร. ให้ความสำคัญในการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ โดยเน้นย้ำความสำคัญการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบราชการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ซึ่งผลการดำเนินการสามารถสรุปได้ดังนี้
ความสำคัญของการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ
1.1ผลักดันผ่านการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐ ผ่านการออกกฎหมายต่าง ๆในการดำเนินการ ได้แก่
การออกพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558
พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจทัล พ.ศ. 2562
พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565
1.2 การเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐ ผลการดำเนินงานผลักดันพบว่า ในปี 2561 สามารถยกเลิก การเรียกรับสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 530 ใบอนุญาต และ การเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลในครั้งนี้ เป็นความสำเร็จอีกก้าวในการอำนวยความสะดวกติดต่อขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ
2. บทบาทของ ก.พ.ร. ในการร่วมกับภาครัฐและเอกชนต่อการขับเคลื่อนการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อเป็น e-Government:
2.1ยกระดับบริการภาครัฐโดยผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก ประหยัด
ตอบโจทย์ มีทางเลือกในการรับบริการที่หลากหลาย และครอบคลุม
2.2.ลดบทบาทภาครัฐ เปิดการมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่น เพื่อให้ภาครัฐมีขนาดเหมาะสมกับบทบาทภารกิจ
2.3.เร่งปรับภาครัฐสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาการทำงานและการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินการให้ประสบความเร็จนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. ย้ำว่าไม่สามารถดำเนินการเพียงลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนและพัฒนาระบบราชการให้เป็นเสาหลักของ การพัฒนาประเทศ ต่อไป
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบเทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการบริการแบบไร้กระดาษอย่างแท้จริง ซึ่งกรมฯ เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจระหว่างภาครัฐและเอกชน มีผลต่อการลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ประชาชนธุรกิจ และภาครัฐ โดยมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้เชื่อมโยงข้อมูลแบบ Real Time ที่มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และมีความมั่นคงปลอดภัยขั้นสูง ตามมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ของ สพร. ทำให้สามารถใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งได้ร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ ในการปรับรูปแบบการให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐผ่านศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ (GDX) ทำให้มีประสิทธิภาพ และมีการเพิ่มชุดข้อมูลสนับสนุนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของนิติบุคคล หรือ Business Digital ID ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนให้ประชาชนและธุรกิจสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา มีหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความสนใจเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 169 หน่วยงาน และได้มีการใช้บริการข้อมูลรวมถึง 52 ล้านรายการ
ครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญต่อแนวทางบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ซึ่งให้ความสำคัญกับระบบบริการประชาชนและภาคเอกชนแบบดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งภาคเอกชนโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยินดีประสานความร่วมมือเพื่อร่วมผนึกกำลังยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยไปด้วยกัน อย่างยั่งยืน
10 หน่วยงานภาครัฐพร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคล
-สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
- กรมที่ดิน
- กรมธนารักษ์
- สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
- กรมโรงงานอุตสาหกรรม
- กรมสรรพสามิต
- ธนาคารแห่งประเทศไทย
- กรมศุลกากร
- กรมบัญชีกลาง
- กรมสรรพากร
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ