สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เข้าร่วมงานแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิง รุ่นอายุ ไม่เกิน 17 ปี ไทย-เวียดนาม
วันที่ 24 มีนาคม 2568 สภาธุรกิจไทย-เวียดนาม โดยมี คุณเลสเตอร์ เหลียง คู รองประธานสภาธุรกิจไทย-เวียดนาม เป็นผู้แทนเข้าร่วมงานแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติเวียดนาม (Thailand - Vietnam U17 Women Football Friendship Match) ณ กระทรวงการต่างประเทศ


ในงานนี้ คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม พร้อมด้วย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และรองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และท่านฝั่ม เวียต หุ่ง (H.E. Mr. Pham Viet Hung) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวสนับสนุน สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม (TVFA) ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ และพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชน จัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิง รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติเวียดนาม (Thailand - Vietnam U17 Women Football Friendship Match) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2568 เวลา 15.00 น. ณ สนาม People's Police Academy Stadium กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
การแข่งขันฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชนผ่านฟุตบอล ในฐานะกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศ ทั้งไทยและเวียดนาม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์รอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การค้า สังคม และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
คุณสนั่น อังอุบลกุล กล่าวว่า สมาคมมิตรภาพไทย-เวียดนาม เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน การแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการใช้กีฬาเป็นสื่อกลางในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศ และขอเน้นย้ำว่า สมาคมฯ พร้อมพันธมิตรทุกองค์กร มีจุดประสงค์ร่วมกันในการกระชับและขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แนบแน่น และหวังว่าผลสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้จะขยายความร่วมมือไปสู่มิติอื่นๆ อาทิ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อันจะอำนวยประโยชน์อย่างยั่งยืนร่วมกันระหว่างไทยกับเวียดนามต่อไป

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอลมีความสำคัญมากกว่ากีฬา จึงถือว่าการจัดเกมฟุตบอลกระชับมิตรครั้งนี้เป็นสื่อกลางระหว่างสองประเทศ เพื่อตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและเวียดนามที่มีมาอย่างยาวนาน อีกทั้ง ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาฟุตบอลหญิงในระดับเยาวชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งหวังว่าจะเป็นเกมที่สนุก และเต็มไปด้วยมิตรภาพ



ท่านฝั่ม เวียต หุ่ง (H.E. Mr. Pham Viet Hung) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย กล่าวว่า ไทยและเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน การแข่งขันครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นของเราทั้งสองประเทศ
การแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิงรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ระหว่างทีมชาติไทยพบกับทีมชาติเวียดนาม ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 500 คน อาทิ ข้าราชการไทยและเวียดนาม ตัวแทนจากสมาคมกีฬาฟุตบอล ผู้นำภาคธุรกิจ องค์กรผู้สนับสนุน และประชาชนชาวไทยและชาวเวียดนาม จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยและชาวเวียดนามร่วมส่งกำลังใจให้กับนักฟุตบอลเยาวชนหญิงของทั้งสองประเทศ ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิงรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ไทย-เวียดนาม (Thailand - Vietnam U17 Women Football Friendship Match) ในวันที่ 3 เมษายน 2568 เวลา 15.00 น. ณ สนาม People's Police Academy Stadium กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกมฟุตบอล แต่เป็นโอกาสในการสร้างเครือข่าย เชื่อมโยงความสัมพันธ์รอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การค้า สังคม และวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนความเป็นมิตรประเทศของทั้งสองประเทศให้ก้าวสู่ความรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนต่อไป
การแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิงรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ระหว่างทีมชาติไทยพบกับทีมชาติเวียดนาม ครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 500 คน อาทิ ข้าราชการไทยและเวียดนาม ตัวแทนจากสมาคมกีฬาฟุตบอล ผู้นำภาคธุรกิจ องค์กรผู้สนับสนุน และประชาชนชาวไทยและชาวเวียดนาม จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยและชาวเวียดนามร่วมส่งกำลังใจให้กับนักฟุตบอลเยาวชนหญิงของทั้งสองประเทศ ในการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรหญิงรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ไทย-เวียดนาม (Thailand - Vietnam U17 Women Football Friendship Match) ในวันที่ 3 เมษายน 2568 เวลา 15.00 น. ณ สนาม People's Police Academy Stadium กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เกมฟุตบอล แต่เป็นโอกาสในการสร้างเครือข่าย เชื่อมโยงความสัมพันธ์รอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การค้า สังคม และวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนความเป็นมิตรประเทศของทั้งสองประเทศให้ก้าวสู่ความรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนต่อไป