DITP แนะธุรกิจบริการขนส่งโลจิสติกส์รุกตลาดเวียดนามรับอีคอมเมิร์ซโต
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามมาแรงโตต่อเนื่อง คาดในปี 63 มีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แนะผู้ประกอบการไทยด้านบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ต้องพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยี รองรับการแข่งขัน เล็งนำผู้ประกอบการท้องถิ่นโรดโชว์ เมืองฮานอย ดานัง โฮจิมินห์
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานสถานการณ์การค้า การลงทุนในประเทศเวียดนามจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่าธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนามได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามการเติบโตของตลาดค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าในปี 63 ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามจะมีมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีประชาชนกว่า 50 ล้านคนซื้อสินค้าออนไลน์ ดังนั้นเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะไปลงทุนด้านบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งหากผู้ประกอบการมีการวางแผนและยกระดับคุณภาพการให้บริการขนส่งในระบบดิจิตอลมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดเวียดนามได้
"ตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด เช่น Lazada Vietnam, Shopee ,Tiki.vn, Sendoเป็นต้น พร้อมกับเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ภาคธุรกิจโลจิสติกส์เวียดนามขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้บริการขนส่งสินค้า บริการท่าเรือ การจัดส่งสินค้าในประเทศ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการไทยหลายรายมีศักยภาพพอที่จะสามารถเข้าไปลงทุนในตลาดเวียดนามได้"
อย่างไรก็ตามหากไม่มีการพัฒนาศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ธุรกิจโลจิสติกส์ที่จะไปลงทุนในเวียดนามคงดำเนินการได้ลำบาก เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการระดับโลกรายใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2561-2562 เช่น Grab Express และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของตลาดเวียดนามที่เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี ประกอบกับรัฐบาลเวียดนามได้มีมาตรการส่งเสริมและผลักดันการค้าอีคอมเมิร์ซต่อเนื่อง เช่น การจัดเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ จนมีการใช้บริการ 11.9 ล้านครั้ง มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมือถือ 35,000 ครั้งและสแกนคิวอาร์โค้ด 1.6 ล้านเครื่อง และที่สำคัญในปี 63 เวียดนามยังมีการปรับปรุงกฎหมายสำหรับอีคอมเมิร์ซและเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการกำกับดูแลการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายอีคอมเมิร์ซ ส่งเสริมการบริการสาธารณะออนไลน์ ปรับปรุงการจัดการขั้นตอนการบริการให้ทันสมัย เป็นต้น
นายสมเด็จ กล่าวว่า สำหรับในเรื่องของการลงทุนด้านอื่นๆของเวียดนามในช่วงเดือนม.ค. 63 พบว่ามีบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนามจำนวนมาก เช่น บริษัท ฟอร์ด เวียดนามเพิ่มเงินลงทุนจำนวน 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อขยายโรงงานประกอบรถยนต์และโรงงานผลิตในจังหวัด Kai Duong ภาคเหนือของเวียดนาม ซึ่งจะทำให้เพิ่มกำลังผลิตรถจาก 14,000 คันต่อปี เป็น 40,000 คันต่อไป คาดว่าการขยายโรงงานจะเสร็จภายในปี 2565
นอกจากนี้ทางองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ได้เปิดเผยผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในเวียดนามได้เพิ่มขึ้น 64% ทำให้บริษัทญี่ปุ่นพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่ม โดยในปี 2562 บริษัทญี่ปุ่นลงทุนในเวียดนาม จำนวน 655 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.9% มูลค่า 2,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเชื่อว่าในอนาคตการลงทุนของญี่ปุ่นในเวียดนามมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลเวียดนามและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการขจัดปัญหาและอุปสรรคการลงทุนเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนเพื่อยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภูมิภาคเพื่อทำตลาด CLMV โดยที่ประชุมเห็นชอบในการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม เพื่อลงลึกระดับเมืองที่มีศักยภาพสำคัญ เช่น เมืองฮานอย เมืองดานังและเมืองโฮจิมินห์ โดยให้ภาคเอกชนระดับท้องถิ่นที่มีศักยภาพได้มีส่วนร่วมเดินทางไปกับกระทรวงพาณิชย์ด้วย เนื่องจากสินค้าไทยหลายประเภทได้รับความนิยมในตลาดเวียดนามอย่างมาก
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย โทร (+8424) 39365228 หรือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
ภาพ : nhandan online
ที่มา : ryt9.com
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563