“เซ็นทรัล” ทุ่มงบ 1.8 หมื่นล้าน สปีดสาขาไทย-เวียดนามย้ำผู้นำค้าปลีก
“เซ็นทรัล” ทุ่มอีก 1.8 หมื่นล้าน สยายปีกอาณาจักรค้าปลีกไทย-เทศ สปีดสาขาโรบินสัน ไทวัสดุ บ้านแอนด์บียอนด์ บิ๊กซีโก ! ในเวียดนาม พร้อมปรับโฉม ลา รีนาเชนเต ในฟลอเรนซ์/โรม ใหม่ พร้อมชูกลยุทธ์ “มัลติฟอร์แมต” ปรับตัวเร็วยืดหยุ่น รับทุกสถานการณ์ ทั้งเศรษฐกิจโลกผันผวน ถึงโควิด-19
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลก และไทยจะมีความไม่แน่นอนหลายประการในปีนี้ ทั้งปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัว โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ตลอดจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถดถอย ทำให้บริษัทต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน และดำเนินธุรกิจ พร้อมกับเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยอาศัยความได้เปรียบจากการเป็น multicategory และ multiformat มีสินค้า บริการ และรูปแบบของร้านค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มแฟชั่น กลุ่มฮาร์ดไลน์ และกลุ่มฟู้ด ในช่องทางค้าปลีกไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป เพาเวอร์บาย ไทวัสดุ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ในไทย รวมไปถึงบิ๊กซี/GO ! เหงียนคิม ลานชีมาร์ท ในเวียดนาม และรีนาเชนเต ห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลี
ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์ที่ผันผวน เพื่อเข้าถึงลูกค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางออมนิแชนเนล ที่เชื่อมต่อทั้งหน้าร้านที่เป็นออฟไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรับกับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซและบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางเอาไว้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เตรียมที่จะลงทุนอีก 18,000 ล้านบาท (ไม่รวมการควบรวมกิจการ (M&A)) ที่จะขยายธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาใหม่ของโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 3 สาขา, ไทวัสดุ 7 สาขา และบ้านแอนด์บียอนด์ 3 สาขา รวมถึงการขยายสาขาของกลุ่มร้านอาหาร และร้านค้าเฉพาะทางต่าง ๆ ในไทย
ส่วนธุรกิจในเวียดนาม เตรียมที่จะขยายสาขาของบิ๊กซี/GO ! อีก 6 สาขา และปรับโฉมใหม่อีก 4 สาขา พร้อมขยายธุรกิจ nonfood อาทิ LookKool, Kubo, SuperSports เป็นต้น ส่วนที่อิตาลีจะปรับโฉมห้างรีนาเชนเต ในสาขาฟลอเรนซ์ และกรุงโรมใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ลักเซอรี่
โดยคาดว่าจะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10% จากปี 2562 ที่มีรายได้ 222,737 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้น 8% จากปีที่ผ่านมา และมีกำไร 12,359 ล้านบาท
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 6 มีนาคม 2563