สศช.ตั้ง 5 ทีมเอกชนร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19
สภาพัฒน์เรียกประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศบค.พร้อมแบ่ง 5 กลุ่มสรุปแนวทางเยียวยาภาคธุรกิจที่ต้องการเสนอภาครัฐ โดยจะเร่งสรุป ภายในสัปดาห์หน้าก่อนเสนอ ครม. เร็วที่สุด
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติหรือสภาพัฒน์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ภาค เอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ที่ประชุมได้หารือเสนอข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ในหลายเรื่อง ดังนั้นทาง สภาพัฒน์จึงขอให้คณะที่ปรึกษาฯ ที่เกี่ยวข้องจัด ทําข้อเสนอประเด็นเฉพาะด้าน เพื่อเสนอที่ประชุมพิจารณาหารือในรายละ เอียดในการประชุมครั้งต่อไปสัปดาห์หน้า โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม และเมื่อได้ ข้อสรุปจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป การแบ่งกลุ่มที่ปรึกษา 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ประกอบด้วย สมาคมธนา คารไทย สํานักงานเศรษฐกิจอุตสหากรรม และธนาคารแห่ง ประเทศไทย นําโดยนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย
2. กลุ่มมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่จัดทําโดยหอการค้าไทย นําโดยนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
3. กลุ่มมาตรการเพื่อธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประกอบ ด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมไทย สมาพันธเอสเอ็มอีไทย สํานักงานส่ง เสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย นําโดยนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ
4. กลุ่มมาตรการเพื่อภาคเกษตร ประกอบด้วย สภาเกษตรกรแห่ง ชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง พาณิชย นําโดยนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์
5. 5.กลุ่มมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล (Digital Solution) ประกอบด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท ประธานสภาดิ จิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะได้พิจารณาคู่ขนาน กันไป เพื่อประกอบการพิจารณาในครั้งต่อไป
นอกจากนี้ ระยะต่อไป สศช. จะได้ดําเนินการประมวลความต้องการจากทุก ภาคส่วน รวมถึงการเปิดพื้นที่สาธารณะในการรับฟังความคิดเห็นผ่าน Facebook “ร่วมด้วยช่วยคิด” ซึ่งจะได้รวบรวมประมวลและนําเสนอคณะรัฐ มนตรีต่อไป โดยเรื่องใดดําเนินการเสร็จก่อนก็จะนําเสนอก่อน
สําหรับข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการขอให้รัฐปรับลด ค่าไฟฟ้า 5% ทั่วประเทศและลดค่า ft ตามราคาน้ำมัน ขอให้เอกชน สามารถนําค่าใช้จ่ายสําหรับป้องกันโควิด-19 มาหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า ขอให้รัฐออกคําสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือจาก ประกันสังคม ขอให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ปีภาษี 2562-2563 กรณี SMEs เหลือไม่เกิน 10% และกรณีผู้ประกอบการอื่น เหลือไม่เกิน 20% ขอรัฐจัดสรรงบประมาณในการจ้างงาน และซื้อสินค้าจากผู้ผลิตภายใน ประเทศ ผ่อนปรบการเข้าถึงสินเชื่อสําหรับผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ยังขอให้มีการอนุญาตให้จ้างงานเป็นรายชั่วโมงได้ ค่าจ้างชม.ละ 40-41 บาท จ้าง 4-8 ชม/วัน ขอลดเงินสมทบ ประกันสังคมของนายจ้าง จากเดิม 4% เหลือ 1% ขอให้รัฐช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคม จํานวนประมาณ 10 ล้านคนจากจํานวนรวม 18 ล้านคน โดยเฉพาะลูกจ้างที่
เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท โดยภาครัฐช่วยจ่ายค่าจ้างให้ 50% และ บริษัทจ่ายอีก 25% ของค่าจ้าง
นอกจากนี้ ขอให้สามารถนําผลขาดทุนมา หักลดหย่อนภาษีจากเดิมทําได้ 5 ปี เพิ่มเป็นทําได้ในช่วง 7 ปีภาษี ขอให้ บริษัทสามารถนําค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างแรงงาน ในช่วง COVID-19 มาหัก ภาษีได้ 3 เท่า ขอให้มีการผ่อนปรนมาตรการเคอร์ฟิวสําหรับผู้ประกอบการ ขนส่ง สินค้าในเวลากลางคืน การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสาร ระหว่างเมืองให้มีมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังเสนอถึงปัญหาการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อผ่อนปรนที่มีเงื่อนไข ค่อนข้างรัดกุมทําให้ภาคเอกชนไม่สามารถเข้าถึงได้ การกําหนดหลักเกณฑ์ การค้าประกันเพื่อลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน การช่วยเหลือผู้ ประกอบการให้สามารถจ้างแรงงานโดยใช้ประโยชนจากกองทุนประกันสังคม และการกําหนดมาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน และ ระยะฟื้นฟู รวมถึงการปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่ การทําเกษตรที่มั่นคง และยั่งยืน ซึ่งประเด็นต่างๆ จะได้มีการหารือในรายละเอียดในครั้งต่อไป
สําหรับคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วยผู้ แทนภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประ เทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ เพื่อทําหน้าที่ให้คําปรึกษา ข้อเสนอแนะ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผล กระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสนับสนุนการปฏิ บัติงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค โรนา 2019 (โควิด-19) ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและมีประสิทธิภาพ.
ที่มา : สํานักข่าวไทย
วันที่ 13 เมษายน 2563