ถอดความสำเร็จโมเดลเวียดนาม กับการต่อสู้กับโควิด-19
เมื่อเทียบกับจีน ไต้หวันหรือเกาหลีใต้ เวียดนามอาจมีทรัพยากรน้อยกว่าในการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบหว่านเป็นวงกว้าง ทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นคือการดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดในเชิงรุก ก่อนที่การระบาดจะลุกลาม
รัฐบาลเวียดนามตัดสินใจตั้งคณะกรรมการกำกับป้องกันการแพร่ระบาดแห่งชาติ ในวันที่ 30 มกราคม จากนั้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 6 ราย นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก ได้ตัดสินใจลงนามประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นภาวะแพร่ระบาดแห่งชาติ
รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการกักกันและสอบสวนโรคที่เข้มงวด มีการแกะรอยผู้ติดต่อกับผู้ติดเชื้อในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ติดต่อโดยตรง ผู้ติดต่อระดับ 2, 3 และ 4 ซึ่งทั้งหมดจะถูกควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่แพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นอีก
เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เวลานี้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงวันนี้ มีจำนวนเพียง 268 ราย และไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 (นับตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน) ในขณะที่ผู้ติดเชื้อที่รักษาหายแล้วมีจำนวน 225 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเวียดนามยังอยู่ที่ ‘0’ ราย
ตัวเลขอันน่าประทับใจนี้ถือเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้ของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เวียดนามควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อยู่หมัด มาจากการตัดสินใจรับมือที่รวดเร็ว
เวียดนามเตรียมพร้อมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ก่อนพบผู้ติดเชื้อรายแรก กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามได้ออกหนังสือด่วนแจ้งแนวทางป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19 ไปยังหลายหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม จากนั้นอีก 5 วัน จึงแจ้งไปยังโรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ ก่อนจะพบผู้ติดเชื้อ 2 รายแรก เป็นนักท่องเที่ยวจีน ที่นครโฮจิมินห์ ในวันที่ 23 มกราคม
ความกังวลต่อกรณีการระบาดแรกที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น และท่องเที่ยวไปทั่วประเทศก่อนเกิดอาการป่วย ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน รัฐบาลเวียดนามตัดสินใจตั้งคณะกรรมการกำกับป้องกันการแพร่ระบาดแห่งชาติ ในวันที่ 30 มกราคม จากนั้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 6 ราย นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก ได้ตัดสินใจลงนามประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นภาวะแพร่ระบาดแห่งชาติ และเริ่มประสานความร่วมมืออย่างจริงจังกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และโรงพยาบาลทุกระดับกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ข้อมูลเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (nCoV19) ที่เป็นต้นเหตุของโรคโควิด-19
รัฐบาลเวียดนามยังบังคับใช้มาตรการกักกันและสอบสวนโรคที่เข้มงวด มีการแกะรอยผู้ติดต่อกับผู้ติดเชื้อในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ติดต่อโดยตรง ผู้ติดต่อระดับ 2, 3 และ 4 ซึ่งทั้งหมดจะถูกควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่แพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นอีก
เวียดนามยังตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วในการใช้มาตรการล็อกดาวน์ หรือปิดเมือง ตัวอย่างหนึ่งคือเมืองเล็กๆ ในจังหวัดหวิงฟุก ใกล้กรุงฮานอย ประชาชนทั่วเมืองราว 10,000 คน ถูกสั่งให้กักตัวนานกว่า 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ หลังพบผู้ติดเชื้อภายในเมืองดังกล่าวรวม 8 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในเวียดนาม ณ เวลานั้น อยู่ที่ 16 คน ซึ่งจนถึงวันที่ 4 มีนาคม หรือ 20 วันจากนั้น เวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแม้แต่รายเดียว ความสำเร็จขั้นต้นนี้ ทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด หรือ CDC ของสหรัฐฯ ถอดเวียดนามออกจากบัญชีประเทศกลุ่มเสี่ยงที่แพร่ระบาดโรคโควิด-19
รัฐบาลเวียดนามประกาศให้สถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 เข้าสู่เฟส 2 ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ขณะที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 30 ราย ก่อนจะห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศในวันที่ 22 มีนาคม จากนั้นจึงประกาศเข้าสู่เฟส 3 ในวันที่ 23 มีนาคม หลังพบผู้ติดเชื้อ 2 กลุ่มในฮานอยและโฮจิมินห์ ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนั้นอยู่ที่ 123 ราย
ขณะที่โมเดลความสำเร็จในการรับมือโรคโควิด-19 ของเวียดนาม ถือเป็นโมเดลราคาประหยัด เมื่อเทียบกับจีน ไต้หวัน หรือเกาหลีใต้ ที่มีทรัพยากรมากพอจะทำการทดสอบหาผู้ติดเชื้อแบบหว่านเป็นวงกว้าง
เมื่อเวียดนามไม่มีทรัพยากรและบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มากมายเช่นนั้น ทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นคือการดำเนินมาตรการป้องกันการระบาดในเชิงรุก ก่อนที่การระบาดจะลุกลาม
อีกปัจจัยความสำเร็จของรัฐบาลเวียดนาม คือการขับเคลื่อนกระแสชาตินิยมในภาวะการระบาดของไวรัส รัฐบาลเวียดนามตีกรอบโควิด-19 ให้เป็นศัตรูต่างชาติ และเรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกันเอาชนะ สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่เผชิญภัยสงครามจากการรุกรานของต่างชาติ นับตั้งแต่วันแรกที่เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนาม (CPV) และรัฐบาลเวียดนาม ต่อสู้กับโควิด-19 ด้วยคำขวัญที่ว่า ‘สู้กับโรคระบาด ก็เหมือนสู้กับศัตรู’
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามยังวางตัวเองเป็นผู้นำที่มีศักยภาพในการรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการให้ข้อมูลที่ครอบคลุมและโปร่งใส กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามเปิดตัวเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ ช่วยป้องกันข่าวลือและข่าวปลอม พร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
การสื่อสารที่โปร่งใสและเป็นไปในเชิงรุกนี้ ทำให้รัฐบาลเวียดนามได้ความมั่นใจจากประชาชน ผลสำรวจจากเว็บไซต์ Dalia Research ที่ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลใน 45 ประเทศ เกี่ยวกับการรับมือโรคโควิด-19 ปรากฏว่าชาวเวียดนามกว่า 62% แสดงความเห็นว่ารัฐบาลเวียดนามดำเนินการอย่างเพียงพอ คะแนนนิยมจากผลสำรวจนี้ยังแซงหน้าเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นอีกประเทศที่ถูกมองว่ารับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
ที่มา : The Standard
วันที่ 24 เมษายน 2563