ผนึกกำลัง ร่วมเปิดเมือง ปลอดภัย ระดมแนวคิดฝ่าวิกฤตโควิด–19 ด้วยวิถีธุรกิจแบบใหม่
หอการค้าไทยฯ ผนึกกำลังภาคสาธารณสุข ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ตอบรับมาตรการคลายล็อคดาวน์ ร่วมขับเคลื่อนเปิดเมือง ปลอดภัย ฝ่าวิกฤตโควิด–19 ด้วยวิถีธุรกิจแบบใหม่ พร้อม เปิดแพลตฟอร์มแห่งความห่วงใย Thai.care รวมพลัง 3 แคร์ “ร้านค้าแคร์–ลูกค้าแคร์–สังคมแคร์” ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และเดินหน้าเศรษฐกิจไทยวิถีใหม่ (New Normal) อย่างยั่งยืน
วันนี้ (20 พฤษภาคม 2563) ณ ห้อง Activity Hall สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ ภาคเอกชน นำโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานภาคสาธารณสุข ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมจัดงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “เปิดเมือง ปลอดภัย ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด–19 ด้วยวิถีธุรกิจแบบใหม่ (New Normal for Business Sector)” พร้อมระดมผู้เชี่ยวชาญในแต่ละภาคส่วนร่วมระดมแนวคิด ได้แก่ “New Normal ธุรกิจไทย ฝ่าวิกฤตโควิด-19”
โดย นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย “New Normal สังคมใหม่ หลังวิกฤตโควิด-19” โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย “วิกฤตโควิดจะจบลงเมื่อใด และ 4 วิธีป้องกันความเสี่ยงจาก โควิด-19” โดย นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคระบาด, “สถานประกอบการ ธุรกิจร้านค้า และพื้นที่สาธารณะกับมาตรฐานใหม่ สร้างความมั่นใจให้ประชาชน”
โดย พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย “พลิกวิกฤตโควิด – 19 สร้างสุขภาวะบนฐานวิถีชีวิตใหม่” โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) “พลังความร่วมมือ และ Thai.care แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อการเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพสถานประกอบการด้วยพลัง 3 แคร์” โดย ทพ. กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้เชี่ยวชาญภาคประชาสังคม และนายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้ก่อตั้งเว็ป kapook.com พร้อมด้วยการสัมมนาออนไลน์ตามประเภทกิจการ ในหัวข้อ “มาตรการแบบไหน ถูกใจประชาชน” โดยมีกิจการร้านค้าต้นแบบ ในแต่ละประเภทร่วมโชว์แนวคิดและกลยุทธ์ พร้อมตอบทุกข้อสงสัยจากนักวิชาการ
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยฯ ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนได้ประสานความร่วมมือกับภาคสาธารณสุข ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ในการร่วมขับเคลื่อน โครงการเปิดเมือง ปลอดภัย และทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการกำหนดมาตรการของสถานประกอบการแต่ละประเภท พร้อมทั้งประสานเครือข่ายและสมาคมต่าง ๆ ร่วมจัดกระบวนการ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการอย่างเหมาะสม โดยแบ่งกลุ่มกิจการการค้าเป็น 4 กลุ่ม คือ
1.สีขาว สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่ำและเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ อุปกรณ์ทางการแพทย์
2. สีเขียว สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงปานกลาง
3.สีเหลือง สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง และ
4.สีแดง สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูง
รวมถึงการกำหนดแนวทางในการป้องกันความเสี่ยงของสถานประกอบการ โดยมีการประเมินความเสี่ยงในแต่ละด้าน พร้อมทั้งได้จัดทำคู่มือสำหรับสถานประกอบการ ซึ่งมีมาตรการและแนวทางปฏิบัติพื้นฐานเพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัว
พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมวิถีใหม่ หรือความปกติใหม่ (New Normal) ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคม ตลอดจนโมเดลธุรกิจและการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ จึงได้ร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์ม “ไทยดอทแคร์” (Thai.care) เพื่อช่วยในการสื่อสารและสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ใช้บริการ โดยพัฒนามาจากแนวคิด “คนไทยร่วมกันแคร์” ซึ่งเป็นการประสานพลัง 3 แคร์ ได้แก่
1.ร้านค้าแคร์ โดยจะสร้างเครือข่ายของร้านค้าที่มีความห่วงใย ใส่ใจในบริการที่ปลอดภัย และจะมีการให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพ รวมทั้งรวบรวมตัวอย่างและนวัตกรรมดี ๆ เพื่อนำมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง
2.ลูกค้าแคร์ จะเปิดช่องทางการสื่อสาร และรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงร้านค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแจ้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมทั้งนำเสนอองค์ความรู้เพื่อการปรับตัวและสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่
3.สังคมแคร์ คือสังคมที่มีความสุขและมีความเอื้ออาทรต่อกัน ภายใต้แนวคิดของวิถีชีวิตแบบใหม่ New Normal ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบและวิถีชีวิตของคนในสังคม รวมถึงโมเดลธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับการทำงานแบบใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว
“นอกจากการทำงานในเชิงรุกของหอการค้าไทยฯ ที่ได้จัดกระบวนการเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการของสถานประกอบการแต่ละประเภทอย่างเหมาะสมตามมาตรการผ่อนปรนหรือคลายล็อคดาวน์ของรัฐบาลในแต่ละเฟส รวมทั้งแนวทางการป้องกันความเสี่ยงของสถานประกอบการ
โดยได้มีการประเมินความเสี่ยงในแต่ละด้าน และจัดทำคู่มือสำหรับสถานประกอบการเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติพื้นฐานให้ผู้ประกอบการดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัว รวมถึงการส่งเสริมให้กิจการต่าง ๆ พัฒนาคุณภาพการให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า
และผู้ใช้บริการสอดคล้องต่อความปกติใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคม ด้วยการสร้างวิถีธุรกิจแบบใหม่ ซึ่งการร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มไทยแคร์ในครั้งนี้จะเป็นอีกเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชน รวมไปถึงกระบวนการเปิดเมืองที่รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจและความสุขภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพราะไทยแคร์คือไทยห่วงใย” นายกลินท์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : Thai Chamber
วันที่ 20 พฤษภาคม 2563