ในขณะที่จีนเปลี่ยนจากส่งออกเป็นการนําเข้าปูนซีเมนต์ และการผลิตปูนซีเมนต์ของประเทศ ในภูมิภาคลดลง เวียดนามกลับมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการส่งออกปูนซีเมนต์ จึงก่อให้เกิดความ กังวลเกี่ยวกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การประหยัดไฟฟ้า และการใช้วัสดุทดแทน

การใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศระหว่างปี 2557 ถึง 2559 เพิ่มขึ้นทุกปี ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในปี 2558 อยู่ที่ 55.3 ล้านตัน ในปี 2559 อยู่ที่ 59.3 ล้านตัน และในปี 2560 ปริมาณรวม 60.27 ล้านตัน ในขณะที่การใช้ปูนซีเมนต์ภายในเวียดนามและการส่งออกเพิ่มสูงขึ้น ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเพิ่มขึ้นไม่มาก ยกเว้น สปป. ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์

ในด้านการลงุทน บรูไน และสิงคโปร์เป็นผู้นําทางการลงทุนปูนซีเมนต์ นอกจากนี้ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และบรูไน กําลังมีโครงการลงทุนใหม่ ส่วนไทยได้สั่งหยุดการลงทุนใหม่ ในสาขาดังกล่าวแล้ว โดยกําลังผลิตรวมทั้งภูมิภาคในปี 2559 อยู่ที่ 330.3 ล้านตัน

สาเหตุที่ทําให้ความต้องการส่งออกปูนซีเมนต์เวียดนามกลับมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโครงการ ลงทุนใหม่เริ่มดําเนินการในปี 2560 เช่นโครงการปูนซีเมนต์ลองเซิน 2 ในจังหวัดแทงห์ฮว๋า โครงการปูนซีเมนต์แถ่งถัง จังหวัดห่านาม และโครงการปูนซีเมนต์ชวนแถ่งห์ ส่งผลให้ ปัจจุบันกําลังการผลิตซีเมนต์ของเวียดนามรวมอยู่ที่ 99 ล้านตัน แต่ในความเป็นจริง เวียดนามสามารถผลิตได้ถึง 113 ล้านตัน

ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในเวียดนามต้องพยายามผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น เนื่องจากความ ต้องการใช้ภายในประเทศไม่เป็นไปตามที่คาด จีนมีนโยบายเปลี่ยนจากการเป็นผู้ส่งออกมา เป็นผู้นําเข้าปูนซีเมนต์ ดังนั้นปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์จากเวียดนามและราคาส่งออก จึงเพิ่มสูงขึ้น

สมาคมปูนซีเมนต์เวียดนามจึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการลงทุนในโครงการผลิต ปูนซีเมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปี 2568 นอกจากนี้สมาคมฯ เห็นว่ารัฐบาลยังควรเสนอให้สภาแห่งชาติเวียดนามพิจารณาปรับกฏหมายการส่งออกในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าที่มีต้นกําเนิดจากแร่ธาตุ เนื่องจากยังพบข้อบกพร่องทางกฏหมาย

 

แหล่งข่าว : vneconomy.vn วันที่ 14 มิถุนายน 2561