แก้เวียดนาม เนื้อหอมต่างชาติซบหนีจีน
สงครามการค้าโลกที่ร้อนระอุมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 นําโดยคู่ “สหรัฐ-จีน” นั้น ส่งผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจโลก ซัพพลายเชน และผู้บริโภค
สงครามการค้าจะสร้างอานิสงส์ให้บางประเทศที่เสมือน “หลุมหลบภัย” เวียดนามเป็น ประเทศหนึ่งที่ได้รับการจับตาว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้มากที่สุด
ต้นทุนค่าแรงในจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเวียดนามเอง ก็เป็นตลาด ชนชั้นกลางใหม่ที่มีศักยภาพในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแรงงานวัยทํางาน พร้อมรับ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จะเข้าไปลงทุน
สงครามการค้ากําลังเป็นปัจจัยเร่งการลงทุนในเวียดนาม ส่งผลให้บรรดาบริษัทต่างชาติ จากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และจีน ต่างหลั่งไหลเข้าไปยังเวียดนามมากขึ้น เพื่อกระจาย ความเสี่ยงการลงทุน ในช่วงแรกของปี 2018 นี้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวไปถึง 7.08% การลงทุนโดยตรง (FDI) ขยายตัวถึง 8.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทุนจากฮ่องกงที่เข้าไปสู่เวียดนามได้แก่ บริษัท Man Wah Holdings ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในจีนที่เข้ามาซื้อบริษัทผู้ผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในเวียดนามเป็นเงิน 68 ล้านดอลลาร์ สหรัฐบริษัท Hung Hing Printing Group ที่เข้ามาขยายการลงทุนในกรุงฮานอย โดยเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรร่วมทุนที่เป็นผู้ผลิตของเล่นให้กับ แฮรโบร แมทเทล และดิสนีย์ เป็นต้น
เงินทุนจดทะเบียนใหม่ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาของเวียดนาม พบว่าเป็นทุนจากประเทศญี่ปุ่น มากที่สุด 5,573 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 3,138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยมาในอับดับ 3 ที่ 660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตามมาด้วยสิงคโปร์ ฮ่องกง จีน เนเธอร์แลนด์ สหรัฐ และไต้หวัน
ซีเอ็นเอ็นมันนี่ระบุหลายบริษัทในเอเชียกําลังพิจารณาย้ายการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ใน ภูมิภาคมากขึ้น เช่น “ไทย” และ “เวียดนาม” เพื่อกระจายความเสี่ยง
แหล่งข่าว : : โพสต์ทูเดย์ วันที่ 6 กรกฏาคม 2561