ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับกรอบนโยบายการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและศักยภาพของไฮโดรเจนสีเขียวในเวียดนาม จัดโดยสำนักงาน GIZ ประจำเวียดนามและกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (MOIT) ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหพันธรัฐเยอรมัน (BMWK) เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กระตุ้นให้หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และประเทศต่าง ๆ ใน EU เริ่มพัฒนายุทธศาสตร์สำหรับอุตสากรรมไฮโดรเจน รวมทั้งวางแผนในการนำเข้าไฮโดรเจนจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เนื่องจากไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) สามารถกักเก็บพลังงานสะอาดได้เป็นเวลานานและเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงาน

 

เวียดนามมีศักยภาพในด้านพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งพลังงานลมบนบก (onshore) และนอกชายฝั่ง (offshore) ประกอบกับทิศทางที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้คำมั่นในการประชุม COP26 ว่าจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี ค. ศ. 2050 อีกทั้งยังมีที่ตั้งที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยตั้งอยู่ใกล้กับประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ในภูมิภาค ด้วยเหตุข้างต้น ทำให้เวียดนามมีศักยภาพสูงที่จะผลิตไฮโดรเจนสีเขียวสำหรับการบริโภคและอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งการส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย

 

ถึงกระนั้น เวียดนามยังคงต้องประสบกับอุปสรรคบางประการในการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียว เช่น ที่ดินจำกัดสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮโดรเจนสีเขียว และต้นทุนในการผลิตที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศที่มีศักยภาพในการส่งออกพลังงานทดแทนดังกล่าว เช่น ออสเตรเลีย ชิลี และโมร็อกโก นอกจากนี้ เวียดนามจำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายและความร่วมมือในการพัฒนาการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว รวมถึงการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวกับประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ มาตรฐานการเพิ่มไฮโดรเจนสีเขียวในโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ การให้สิทธิประโยชน์ด้านการคลังแก่อุตสาหกรรมที่ใช้ไฮโดรเจนสีเขียวหรือแอมโมเนีย รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว เป็นต้น

 

ที่มา : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเวียดนาม