โควิด-19: ทำไมทัศนคติเรื่องการสวมหน้ากากจึงเปลี่ยนแปลงไปในชาติตะวันตก
รัฐบาลอังกฤษเพิ่งประกาศว่า ให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกขณะเข้าไปซื้อของในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. นี้ หากใครฝ่าฝืนอาจถูกปรับถึง 100 ปอนด์ หรือราว 3,800 บาท โดยช่วงไม่กี่วันนี้ ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของสหราชอาณาจักร ต่างสวมหน้ากากในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก
ถือเป็นการกลับลำของนายทรัมป์ที่เคยล้อเลียนคนอื่นที่สวมหน้ากากก่อนหน้านี้ และยังบอกว่า อาจมีคนบางส่วนที่สวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเองเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อเขา แม้ว่าต่อมาทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) จะมีคำแนะนำให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกก็ตาม
ส่วนในสหราชอาณาจักร ในตอนแรกก็ลังเลที่จะแนะนำให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูก แม้ว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรปจะแนะนำแล้วก็ตาม โดยในช่วงกลางเดือน พ.ค. มีการให้คำแนะนำประชาชนในอังกฤษให้สวมผ้าปิดปากและจมูกในพื้นที่ปิด อย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งการทำตามกฎรักษาระยะห่างทางสังคมทำได้ยาก
ทางการทั่วโลก รวมถึงองค์การอนามัยโลก (World Health Organization—WHO) เคยแนะนำว่า การสวมหน้ากากไม่ได้ช่วยในการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ แต่ขณะนี้ได้หันมาแนะนำให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกในพื้นที่ปิด และรัฐบาลหลายประเทศถึงขั้นออกเป็นกฎข้อบังคับ
จากข้อแนะนำกลายเป็นข้อบังคับ
นายกฯ จอห์นสันของอังกฤษ กล่าวว่า มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่บอกว่า การสวมผ้าปิดปากและจมูกช่วยปกป้องผู้สวมใส่และคนที่อยู่รอบข้างจากไวรัสได้ การบังคับให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกจึงเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นให้ผู้คนเห็นถึงข้อดีนี้
ขณะที่มีการออกกฎให้ทุกคนที่เดินทางโดยรถโดยสาร รถไฟ เรือ หรือเครื่องบิน ในอังกฤษ ต้องสวมผ้าปิดปากและจมูก ตั้งแต่ 15 มิ.ย. แล้ว โดยมีการยกเว้นให้แก่ผู้โดยสารบางส่วนเท่านั้น รวมถึง เด็กอายุต่ำกว่า 11 ปี คนพิการ คนที่หายใจลำบาก คนที่เดินทางกับผู้ที่ต้องอาศัยการอ่านปาก และหากมี "เหตุผลที่จำเป็น" ในการต้องถอดหน้ากากเพื่อรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำก็สามารถทำได้ ผู้ที่ไม่ทำตามอาจถูกปฏิเสธการเดินทาง และอาจถูกปรับได้
กฎการบังคับให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกขณะเข้าไปซื้อของในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ที่จะมีผลบังคับใช้ในอังกฤษ 24 ก.ค. นี้ จะไม่บังคับใช้กับพนักงานภายในร้าน แต่แนะนำให้พนักงานภายในร้านสวมใส่เช่นกัน ส่วนลูกค้าที่ฝ่าฝืนกฎอาจถูกปรับ 100 ปอนด์ และหากชำระค่าปรับภายใน 14 วันจะได้รับส่วนลดเหลือ 50 ปอนด์ ผู้ที่จะบังคับใช้กฎนี้คือตำรวจ ไม่ใช่พนักงานภายในร้าน
มีคนสวมผ้าปิดปากและจมูกมากแค่ไหน
ประเทศต่าง ๆ ได้แนะนำให้คนสวมผ้าปิดปากและจมูกเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
กลุ่ม Mask4All ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิจัยที่สนับสนุนการใช้หน้ากากทำเองในช่วงการระบาดของโควิด-19 ระบุว่า ในช่วงกลางเดือน มี.ค. มีเพียง 10 ประเทศที่มีนโยบายแนะนำให้สวมผ้าปิดปากและจมูก แต่ขณะนี้มีมากกว่า 130 ประเทศและ 20 รัฐของสหรัฐฯ
จากการสำรวจความคิดเห็นของ YouGov บริษัทสำรวจความคิดเห็นในเกือบ 30 ประเทศ พบว่า การสวมผ้าปิดปากและจมูกในที่สาธารณะมีสัดส่วนที่แตกต่างกันทั่วโลก
ผู้คนในประเทศแถบเอเชียดูเหมือนจะสวมใส่ผ้าปิดปากและจมูกมากที่สุด ในสิงคโปร์ ซึ่งมีการเอาผิดผู้ไม่สวมหน้ากากภายนอกบ้าน มีคนระบุว่าสวมหน้ากากอยู่ที่สัดส่วน 90% ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก
ส่วนในยุโรป สัดส่วนของคนที่สวมหน้ากากสูงสุดคือสเปน (86%) ตามมาด้วย อิตาลี (83%) และฝรั่งเศส (78%)
ในสหราชอาณาจักร มีคนเพียง 36% ที่ระบุว่า พวกเขาสวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะ แต่ว่าตัวเลขนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในสหรัฐฯ มีสัดส่วนอยู่ที่ 73% ซึ่งสูงกว่าแคนาดา ประเทศเพื่อนบ้านเล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ 60%
การสวมผ้าปิดปากและจมูกได้ผลไหม
ในตอนแรก WHO ระบุว่า ควรมีการสวมใส่หน้ากากเฉพาะเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ หรือคนที่มีอาการป่วยอย่าง ไอ หรือจาม แต่ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ มีหลักฐานบ่งชี้ว่า มีคนจำนวนมากที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการ แต่ยังสามารถแพร่เชื้อได้ และหน้ากากสามารถช่วยหยุดการส่งต่อเชื้อให้คนอื่นได้ ทาง WHO จึงได้เปลี่ยนแปลงคำแนะนำในเดือน มิ.ย.
WHO แนะนำว่า ควรมีการสวมผ้าปิดปากและจมูกที่ไม่ใช่หน้ากากอนามัยที่ใช้ในทางการแพทย์เมื่ออยู่ในที่สาธารณะที่การรักษาระยะห่างทางสังคมทำได้ยาก
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายเมื่อละอองฝอยกระจายตัวไปในอากาศ จากการที่ผู้ติดเชื้อพูดคุย ไอ หรือ จาม ละอองฝอยเหล่านั้นก็จะหล่นไปเกาะอยู่ตามพื้นผิวต่าง ๆ
WHO ระบุว่า ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการแพร่เชื้อผ่านทางอากาศของไวรัสตัวนี้ด้วย โดยอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากจะแขวนตัวอยู่กับละอองของเหลวที่ก่อตัวขึ้นในอากาศ
การสวมผ้าปิดปากและจมูกสามารถช่วยลดการแพร่เชื้อจากคนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือยังไม่แสดงอาการได้
นักวิทยาศาสตร์ในสิงคโปร์ ระบุว่า ความเสี่ยงของการติดเชื้อจะสูงมากในช่วง 24-48 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้ติดเชื้อจะรู้ตัวว่า รับเชื้อนี้มาแล้ว
ที่มา บีบีซีไทย
วันที่ 14 กรกฏาคม 2563