รัฐบาลเวียดนามพิจารณาให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้านการบริการได้
กระทรวงการก่อสร้างเวียดนามได้เสนอต่อรัฐบาลเวียดนามให้ชาวต่างสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ด้านการบริการได้ อาทิ คอนโดเทล (condotel) และวิลล่า เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังประสบปัญหาอุปสงค์ของผู้ซื้อและการลงทุนจากต่างชาติลดลงในขณะที่อสังหาริมทรัพย์กลับเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน ชาวต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยประเภทอพาทเม้นท์และคอนโดในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามได้ไม่เกินสัดส่วนร้อยละ 30 ของพื้นที่ อย่างไรก็ตามยังไม่มีกฎหมายสำหรับอสังหาริมทรัพย์
ด้านการบริการ ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในคอนโดเทล โดยในปี 2562 มีจำนวนหน่วยถึง 39,100 หน่วยในตลาด และในไตรมาสแรกของปี 2563 มีคอนโดเทลและวิลล่าที่ได้รับการอนุมัติการก่อสร้างเพิ่มอีกกว่า 5,000 หน่วย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมหานคร เช่น นครโฮจิมินห์ นครดานังและกรุงฮานอย
บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ DKRA เห็นว่า การจำกัดโควต้าการถือครองที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติด้านการบริการจะทำเวียดนามล้าหลังกว่าไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย ทั้งๆ ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนามมีศักยภาพสูงในการดึงดูดการลงทุนของชาวต่างชาติหรือชาวเวียดนามโพ้นทะเลได้ ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้พัฒนาโครงการปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากลด้วย
อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าชาวต่างชาติจะยึดครองตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามโดยเฉพาะในพื้นที่ที่สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ โดยข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมพบว่ามีบุคคลและบริษัทสัญชาติจีนครอบครองที่ดินในเวียดนามผ่านบริษัทตัวแทนสัญชาติเวียดนามรวมกว่า 162,000 เฮกตาร์
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและดำเนินธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและการบริการในที่ดินดังกล่าว โดยเฉพาะในนครดานัง จังหวัดกว๋างนิญและนครไฮฟอง
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ชาวเวียดนามกลับเห็นว่า ชาวต่างชาติสามารถหาช่องว่างทางกฎหมายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ผ่านบริษัทตัวแทนได้ โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สำหรับการบริการไม่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงเหมือน
การซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากเป็นการลงทุนโดยหวังผลกำไรจากการบริหารของบริษัทสัญชาติเวียดนาม ซึ่งต้องผ่าน
การอนุมัติการก่อสร้างจากรัฐบาลก่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวของเวียดนามอีกด้วย และการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีผู้ซื้อลง ซึ่งในปี 2562 มีมูลค่ากว่า 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปี 2561 ตามข้อมูลของสมาคมอสังหาริมทรัพย์นครโฮจิมินห์ (HoREA)
ที่มา Royal Thai Consulate-General, Ho Chi Minh City, Vietnam
วันที่ 15 กรกฏาคม 2563