"แอปเปิล" มาร์เก็ตแคปทะลุ 2 ล้านล้านดอลล์ ทุบสถิติโลก
"แอปเปิล"ขึ้นแท่นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายแรกของโลก ที่มีมาร์เก็ตแคปทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทแอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) กลายเป็น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของสหรัฐอเมริกาและของโลก ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. โดยมูลค่าตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป ของแอปเปิลพุ่งขึ้นเกินระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาราว 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่ราคาหุ้นแอปเปิลดีดตัวสู่ระดับหุ้นละ 467.77 ดอลลาร์ (แอปเปิลมีหุ้นในตลาดทั้งหมดมากกว่า 4.275 พันล้านหุ้น)
ก่อนหน้านี้ มูลค่าตลาดของแอปเปิลเพิ่งทำสถิติแตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2561 ก่อนที่จะใช้เวลาราว 2 ปีในการทำสถิติ 2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 ส.ค.)
สื่อระบุว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถแซงหน้า บริษัท ซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของประเทศซาอุดิอาระเบีย ในการเป็น บริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก โดยก่อนหน้านั้น ซาอุดี อารามโค ครองแชมป์ดังกล่าวมาตลอดนับตั้งแต่เปิด IPO ไปเมื่อปลายปี 2562
แต่เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2563 ราคาหุ้นของแอปเปิล อิงค์. (NASDAQ:AAPL) พุ่งขึ้นกว่า 10% ไปแตะระดับ 425 ดอลลาร์และปิดตลาดด้วยมูลค่ารวมที่ 1.817 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 68 ล้านล้านบาท) นับเป็นระดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท แอปเปิล และทำให้บริษัทกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปโดยทันที (The World's Most Valuable Company)
ทั้งนี้ ท่ามกลางภาวะที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก และประชาชนในประเทศต่าง ๆทั่วโลกถูกจำกัดการเดินทาง ต้องทำงานจากบ้าน และสถานประกอบการบางแห่งก็ต้องปิดตัวเพื่อเป็นไปตามมาตรการล็อกดาวน์ หรือการปิดเมือง ปิดเศรษฐกิจบางภาคส่วน เพื่อจำกัดพื้นที่และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้กระจายวงกว้างออกไป ส่งผลให้ความาต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงลดน้อยลง
ขณะที่ความต้องการใช้บริการด้านออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิตอลในการให้บริการด้านต่าง ๆ กลับพุ่งทะยานสูงขึ้น ทำให้ความต้องการใช้สินค้าของแอปเปิลยังคงอยู่ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นไอแพด หรือ ไอโฟน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในรูปงานบริการ เช่น ไอคลาวด์ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากผลประกอบการไตรมาสสอง ( Q2/2020) ที่ดีเกินคาดแล้ว นักวิเคราะห์ยังระบุว่า การที่แอปเปิลประกาศว่า จะแตกหุ้นออกเป็น 4 ต่อ 1 หุ้นในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ทำให้ราคาต่อหุ้นที่ลดน้อยลงสามารถดึงนักลงทุนรายย่อยเข้ามาได้มากขึ้นด้วยซึ่งก็เป็นผลบวกต่อมูลค่าบริษัทในภาพรวม
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 20 สิงหาคม 2563