น้ำใจในยามวิกฤตโควิด- 19
เริ่มจากเที่ยวบินแรกที่รับพลเมืองเวียดนามจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนที่เป็นจุดต้นตอของการแพร่ระบาดโรคโควิด- 19 กลับประเทศมาจนถึงปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามได้ประสานงานอย่างใกช้ชิดกับประเทศต่างๆในการจัดเที่ยวบินพาพลเมืองเวียดนามกว่า 1 หมื่น 6 พันคนจากกว่า 50 ประเทศและดินแดนกลับเวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจคนเวียดนามที่พร้อมช่วยแหลือจุนเจือกันในยามวิกฤตและนโยบายแห่งมนุษยธรรมของพรรคและรัฐเวียดนามถึงแม้จะยังมีคารมที่ใส่ร้ายป้ายสีเกียรติประวัติที่ดีงามของคนเวียดนาม
เหตุการณ์เที่ยวบิน VN 06 ของสายการบิน Vietnam Airline ที่พาพลเมืองเวียดนาม 219 คน ซึ่งมีทั้งผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 หลายคนจากประเทศสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีได้ลงจอดที่สนามบินนานาชาติโหน่ยบ่ายเมื่อบ่ายวันที่ 29กรกฎาคมถือเป็นกิจกรรมที่มีความหมายพิเศษในความพยายามพาพลเมืองเวียดนามจากประเทศต่างๆกลับประเทศท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
น้ำใจในยามวิกฤตของคนเวียดนาม
ในจำนวนแอร์โฮสเตส 8คนที่เข้าร่วมเที่ยวบินดังกล่าว นายเจืองแองตู๋และนายเหงวียนฮึวจุงที่อาสาปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้โดยสารที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งนายเจืองแองตู๋ได้เผยว่า “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่บนเที่ยวบินดังกล่าว และมีส่วนร่วมรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารทุกคน ผู้โดยสารทุกคนต่างดีใจที่ได้กลับบ้าน ส่วนผมก็รู้สึกมีความสุขที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ลุล่วงไปด้วยดี” ส่วนนายเหงวียนฮิวจุง ได้ยืนยันว่า “การได้เข้าร่วมเที่ยวบินไปรับพลเมืองเวียดนามที่ประเทศสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีเป็นสิ่งที่หลายคนอยากเข้าร่วมและสำหรับผม นี่เป็นเที่ยวบินแห่งความปรารถนา มิใช่เป็นหน้าที่ที่ต้องรับและปฏิบัติ”
ส่วนนายแพทย์ ดร.เทินแหม่งหุ่ง รองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเขตโซนร้อนส่วนกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในแพทย์ 4 นายที่เข้าร่วมเที่ยวบินดังกล่าวเล่าว่า “แอร์โฮสเตส สจ๊วตและทีมแพทย์ได้เห็นพ้องเกี่ยวกับแผนปฏิบัติงานและประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีความสามัคคีและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี การที่เที่ยวบินดังกล่าวประสบความสำเร็จทำให้ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะการรับหน้าที่ในครั้งนี้กดดันมากเนื่องจากต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยที่เสี่ยงมีอาการหนักขึ้นในการเดินทางกลับประเทศ”
เที่ยวบินรับพลเมืองเวียดนามจากสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีกลับประเทศเป็นเที่ยวบินที่มีความหมายพิเศษ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์แห่งความเป็นมนุษย์ของพรรคและรัฐเวียดนามในการปฏิบัตินโยบายคุ้มครอง ช่วยเหลือพลเมืองที่ประสบผลกระทบจากการแพร่ระบาด นอกจากเที่ยวบินดังกล่าว ได้มีการจัดเที่ยวบินรับพลเมืองเวียดนามจาก 50 ประเทศและดินแดนกลับประเทศ ล่าสุดนี้ ในระหว่างวันที่ 26-27สิงหาคม ได้มีการจัดเที่ยวบินรับพลเมืองเวียดนามเกือบ 350 คนจากกว่า 20 ประเทศและดินแดนในยุโรปและแอฟริกา ซึ่งมีทั้งเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้ป่วย เป็นต้น กลับประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่และความรับผิดชอบต่อพลเมืองเวียดนามในต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากประชาชาติเวียดนามได้
เกียรติประวัติแห่งคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของประชาชาติเวียดนาม
หลังจากพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 รายแรกในเวียดนาม พรรคและรัฐเวียดนามได้ถือการรักษาสุขภาพความปลอดภัยให้แก่ประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นความสนใจอันดับต้นๆในการปฏิบัติเป้าหมายบริหารชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ สิ่งที่น่าสนใจคือพรรคและรัฐเวียดนามไม่เพียงแต่ให้ความสนใจต่อการดูแลเอาใจใส่พลเมืองภายในประเทศเท่านั้น หากยังให้ความสนใจถึงพลเมืองเวียดนามที่กำลังศึกษา ทำงานและนักท่องเที่ยวเวียดนามที่ติดค้างในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ในสภาวการณ์ที่ประเทศต่างๆได้ระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศ รัฐบาลเวียดนามได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามทั้งภายในและต่างประเทศเฝ้าติดตามสถานการณ์และเร่งวางแผนจัดเที่ยวบินพิเศษที่สามารถตอบสนองความต้องการของพลเมืองและสอดคล้องกับศักยภาพการแยกตัวและรักษาผู้ติดเชื้อภายในประเทศ
การที่เที่ยวบินพาพลเมืองเวียดนามจากประเทศต่างๆ กลับประเทศอย่างปลอดภัยยังถือเป็นความปรารถนาของพลเมืองภายในประเทศ โดยมีผู้ใช้ Facebook คนหนึ่งชื่อ Tifosi ได้เขียนว่า “ทุกครั้งที่มีเที่ยวบินพาพลเมืองเวียดนามจากประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับประเทศนั้น ชาวเวียดนามไม่รู้สึกเป็นห่วงเกี่ยวกับการแพร่ระบาด หากรู้สึกดีใจร่วมกับผู้โดยสารที่ได้กลับสู่ปิตุภูมิ” และเที่ยวบินรับพลเมืองเวียดนาม 219 คนจากสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินีกลับประเทศ ก็กลายเป็นกิจกรรมตัวอย่างที่ได้รับการชื่นชมจากประชามติ เพราะไม่เพียงแต่เป็นเที่ยวบินที่ใช้เวลาบินนานที่สุด กว่า 30 ชั่วโมงของสายการบิน Vietnam Airlines เท่านั้น หากยังเพราะบนเที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 หลายคนอีกด้วย
โดยผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวได้ชูธงชาติ รูปประธานโฮจิมินห์และคำขวัญที่ขอบคุณรัฐบาล กระทรวงและบริษัทที่พาพวกเขากลับประเทศและสนับสนุนความมุ่งมั่นตั้งใจ “ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ของรัฐบาลและเที่ยวบินพิเศษนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ นายมิงยาง ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนามถ่ายทำและเผยแพร่คลิปวีดีโอในหัวข้อ “เที่ยวบินแห่งความเป็นมนุษย์ที่สุดในวิกฤตโควิด-19” ผ่านทาง Youtube เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเกี่ยวกับเที่ยวบินดังกล่าว โดยนาย มิงยาง ถือกิจกรรมดังกล่าวเป็นนิมิตหมายในภารกิจด้านมนุษยธรรมนี้ของรัฐบาลเวียดนาม พร้อมทั้งเผยว่า การแยกตัวผู้โดยสารที่กลับจากต่างประเทศเพื่อเฝ้าติดตามอาการและรักษาผู้ติดเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ไม่ง่ายนักในประเทศต่างๆท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทั่วโลก
ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ “ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามให้ความสนใจและพยายามแสวงหามาตรการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนเพราะน้ำใจ ความคิดเห็นและการประเมินที่เห็นอกเห็นใจกับประเทศ รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนภายในประเทศของชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในต่างประเทศถือเป็นการให้กำลังใจอันมีค่าที่ช่วยให้ประชาชนเวียดนามกว่า 90 ล้านคนร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่าอุปสรรคและขจัดวิกฤตโควิด-19 ให้ประสบความสำเร็จ
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 27 สิงหาคม 2563