หนุน อีอีซี เชื่อมโยงแหลมฉบัง นานาชาติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2563 โดยได้มีการพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และได้หารือถึงแนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ
ซึ่งการพัฒนาและสร้างความเชื่อมโยงดังกล่าว ถือเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะจะมีส่วนส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะยาว โดยเฉพาะ โครงการสะพานไทย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมเส้นทางทางบกและเส้นทางขนส่งทางรถไฟ ระหว่างแหลมฉบังฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก โดยพาดผ่านอ่าวไทยไปยัง จ.เพชรบุรี ระยะทาง 86 กม. หรือ เชื่อมไปยัง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 110 กม. ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
โดยจากนี้ยังต้องมาเลือกเส้นทางว่าจะตัดไปที่ จ.เพชรบุรี หรือประจวบคีรีขันธ์ และต้องผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์ จัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เวลา 15 ปี หากสำเร็จจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยว เป็นการกระจายความเจริญไปทั้งสองฝั่ง
"แนวทางเชื่อมโยงไทยกับนานาชาติของอีอีซี จะมีทั้งการพัฒนาสะพานไทย เชื่อมเส้นทางขนส่งทางบก เส้นทางรถไฟจากแหลมฉบัง จะเชื่อมต่อลงมาที่ชุมพร ระนอง และส่งผ่านไปยังเมียนมา การทำดรายพอร์ต ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี และยังมีการพัฒนา จุดบรรจุและกระจายสินค้า 3 จังหวัด คือ โคราช ขอนแก่น นครสวรรค์ ซึ่งจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน"
ที่มา Thai Chamber
วันที่ 7 ตุลาคม 2563