เสียงจาก 3 บิ๊กเอกชน โอกาส-ปัจจัยเสี่ยงธุรกิจไทยปี 64
3 บิ๊กเอกชนชี้ขึ้นศักราชใหม่ 2564 และภาพรวมประเทศไทยมีโอกาสและปัจจัยเสี่ยงแตกต่างจากปี 2563 ที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง ไปฟังกัน
รายงานพิเศษโดย งามตา สืบเชื้อวงศ์
หลายคนจับตาและพยากรณ์ล่วงหน้าแล้วว่าครึ่งแรกปี 2564 จะเข้าสู่โหมดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบ 2 รอบนี้มีแนวโน้มหนักหน่วงเอาการ เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และเป็นไปได้ที่ประชาชนจะเกิดภาวะตื่นตระหนกมากขึ้น แม้จะผ่านโควิดรอบแรกมาแล้วก็ตาม แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส เมื่อบรรดานักธุรกิจมากประสบการณ์ในภาคการผลิตและส่งออกยังมีความหวัง มองเห็น “โอกาส” การพื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากได้รับวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลังของปี และคาดหวังว่ากิจกรรมต่างๆ ในการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้
“ฐานเศรษฐกิจ” ประมวลมุมมองจากคำสัมภาษณ์ระดับซีอีโอ ที่ส่วนใหญ่สะท้อนความกังวลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2564 ขณะเดียวกันต่างก็มีความหวังว่าครึ่งปีหลังปี 2564 ภาพรวมทางเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) มองว่าปี 2564 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงลำดับต้นๆ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากวัคซีนที่ผลิตคาดว่าจะได้รับการรับรองผลที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีโอกาสของการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังส่งผลให้หนี้นอกระบบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจในปี 2564 ที่ประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง ปิดกิจการ รวมทั้งการปลดแรงงาน เป็นต้น
อีกทั้งสถานการณ์การส่งออกที่ยังฟื้นไม่เต็มที่จากสถานการณ์โควิด-19 โดยคาดว่าสถานการณ์การส่งออกของไทยจะเผชิญกับปัญหาในเรื่องของค่าเงินบาทที่คาดว่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะเดียวกันยังเกิดปัญหาเรื่องของตู้คอนเทนเนอร์ขาด ทำให้ผู้ส่งออกส่งมอบสินค้าไม่ทันตามกำหนดได้ เป็นต้น
นายสนั่นยังมีความกังวลถึงสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค นักลงทุน กล่าวคือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีภาวะผันผวนอาจส่งผลต่อการตัดสินใจชะลอการลงทุนของธุรกิจ เนื่องจากนักธุรกิจต้องรอดูแนวนโยบายและมาตรการที่จะออกมาว่ามีความต่อเนื่อง และมีผลกระทบต่อธุรกิจหากจะมีการลงทุน เป็นต้น
ส่วนปัจจัยภายนอกที่ต้องจับตาคือ แนวนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะนโยบายทางด้านการค้าระหว่างประเทศ ที่อาจยังไม่มีความชัดเจนในการทำสงครามการค้ากับประเทศจีนต่อเนื่องหรือไม่
เกิดโอกาสทางธุรกิจครึ่งปีหลัง :
สำหรับโอกาสที่มีต่อธุรกิจต่อประเทศนั้น ซีอีโอ ศรีไทยฯ มองว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 หลังจากได้รรับวัคซีนในช่วงครึ่งหลังของปี และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติ เช่น การขนย้ายคน การขนย้ายสินค้าต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมองว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ทั้งนี้เนื่องจากการป้องกันโควิด-19 และแนวนโยบายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน และการที่สหรัฐฯ ได้ประธานาธิบดีคนใหม่คือ นายโจ ไปเดน ซึ่งคาดว่าจะทำให้การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น
มั่นใจส่วนใหญ่ยังเดินหน้าธุรกิจได้ :
นายสนั่นกล่าวอีกว่าในมุมมองของนักธุรกิจส่วนใหญ่ มีความหวังต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าจะต้องเดินหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านต่างๆ ก็ตาม และหากพิจารณาจากปัจจัยบวกและปัจจัยลบที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าในปี 2564 นักธุรกิจน่าจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีการฟื้นตัว รวมทั้งโอกาสของการเปิดประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย
“สิ่งที่เป็นปัจจัยบั่นทอนและทำให้นักธุรกิจอาจชะลอการลงทุน เพื่อดูสถานการณ์ ทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอน”
ซีอีโอศรีไทยฯ มั่นใจว่า ตามปัจจัยลบที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก เชื่อว่าในอุปสรรคย่อมมีโอกาส และหากเราผ่านอุปสรรคต่างๆ ได้ย่อมที่จะเป็นผู้นำตลาดในอนาคตได้เช่นกัน
โควิดกระทบเศรษฐกิจเชิงลึก :
สอดคล้องกับที่นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี มองว่าปี 2564 ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องรับมือ ยังเป็นสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบเศรษฐิจเชิงลึก ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจเปราะบางลง รวมถึงเสถียรภาพการเมือง จึงต้องมีการประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และคงความสามารถทางการแข่งขันไว้ได้ ตลอดจนยังมีความไม่แน่นอนจากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งต้องประเมินและป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลก การฟื้นตัวยังคงไม่แน่นอน และใช้เวลานาน สำหรับประเทศไทยบริหารจัดการได้ดี แม้ต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่นี้ แต่นับว่ายังอยู่ในสถานะที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจและภาครัฐในการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วกว่าประเทศอื่น เช่นการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้รองรับ และพร้อมสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
ต้นปี 2564 พิษโควิดยังร้อนแรง :
ด้านนายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา มองว่าในปี 2564 ปัจจัยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจะยังคงมีอยู่เหมือนปี 2563 ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ไล่ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง แต่หากการทดลองใช้วัคซีนทั้งของสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ก็จะทำให้การติดเชื้อโควิด-19 ระลอกสอง ไม่กระจายตัวอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นปัจจุบ้น แต่จะยังไม่สามารถส่งผลต่อเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นได้อย่างปัจจุบ้นทันด่วน และมองว่ากว่าเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจจะสามารถตั้งตัวได้คงต้องใข้เวลาอีกตลอดทั้งปี 2564
ส่วนการส่งออกมองว่า จะยังคงมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังซื้อหลักที่มาจากคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ต่างได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วยกันหมด ทำให้ประชาชนในประเทศเหล่านี้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังขึ้น
ขณะที่ค่าระวางขนส่งทางเรือ ที่กำลังเป็นปัญหาเพราะแพงมาก เนื่องจากความต้องการขนส่งสินค้าของผู้ประการลดลง การค้าสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงลดลง จึงทำให้การปรับราคาค่าขนส่งยังไม่ลดลงในเวลาอันใกล้ จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก
สำหรับภาคบริการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก จะยังคงซบเซาจากพิษภัยของโควิด-19 อยู่มองโดยรวมจะพบว่าในภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวปี 2564 จะเป็นปีที่ยากลำบากมากๆ เพราะเหตุจากการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้การเดินทางทางอากาศที่หยุดนิ่งสนิท รวมทั้งค่าขนส่งที่แพงอย่างก้าวกระโดด จึงเป็นอุปสรรคหล้กของการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างมาก ดังนั้นในช่วง Q1-Q3 ปี 2564 จึงเป็นช่วงของความยากลำบากของธุรกิจทั้งสองกลุ่มนี้
เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะย่ำอยู่กับที่ อาจจะส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่คนไม่สามารถอดกลั้นต่อดอกเบี้ยที่ต้องแบกร้บไว้ได้ จะต้องมีการผ่องถ่ายออกมา จึงส่งผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ที่กำลังจะออกมาสู่ตลาด ยากที่จะทำให้ราคาสูงขึ้นได้
สินค้าอุปโภคพื้นฐานมีความต้องการมากขึ้น :
ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา มองอีกว่าธุรกิจที่น่าจะมีโอกาสดีในปี 2564 จะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์การแพทย์และยารักษาโรค เพราะคนจะหันมามองเรื่องของสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจนี้จะยังคงเป็นดาวเด่นอยู่
ส่วนธุรกิจสินค้าอุปโภคพื้นฐานยังมีความต้องการสูง เพราะคนทั่วไปจะเข้าไปจับจ่ายให้ห้างหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตน้อยลง ยังคงหาซื้อมาเก็บตุนไว้ที่บ้านมากกว่า สินค้าอุปโภคจะยังคงมีบทบาทที่สำคัญของตลาดในปี 2564 แต่สินค้าประเภทนี้ควรจะเป็นสินค้าที่ราคาไม่สูง น่าจะเป็นที่ต้องการของตลาด และสินค้าที่สามารถเก็บรักษาได้นานให้เหมาะสมกับสภาวะในปัจจุบัน ดังนั้นในปี 2564 สินค้าประเภทนี้จะเป็นพระเอกต่อไป
เช่นเดียวกับโอกาสทางธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นธุรกิจปลายน้ำของการค้าทั่วไปในปี 2564 จะมีความสำคัญต่อการค้าในสภาวะที่คนไม่อยากจะออกนอกบ้าน จำเป็นจะต้องอาศัยโลจิสติกส์จากผู้ให้บริการภายนอก
“เชื่อว่าในปี 2564 ทางรัฐบาลจะมีนโยบายอื่นๆ ออกมากระตุ้นเศรษกิจออกมาอีกแน่นอน และต้องดูว่าโปรโมชั่นใหม่นี้มีความรุนแรงเพิ่มจากเดิมอีกหรือไม่”
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 1 มกราคม 2564