ความมุ่งมั่นพัฒนาประเทศและเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรม
ร่างรายงานการเมืองเพื่อยื่นเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้ย้ำถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานของเศรษฐกิจเวียดนามให้กลายเป็นรูปแบบการขยายตัวบนพื้นฐานของการใช้แหล่งพลัง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นนำประเทศพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ของพรรค รัฐและประชาชนเวียดนาม
ดร. เจิ่นยูหลิก ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้แสดงความเห็นว่า การสร้างการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้แหล่งพลังต่างๆ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพได้ถูกระบุไว้ในยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจในช่วงปี 2011-2020 โดยที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 11 ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 12 ยุทธศาสตร์นี้ได้รับการแปรให้เป็นรูปธรรมบนพื้นฐานของการเกาะติดแนวโน้มการพัฒนาทั่วไปของยุค ชี้แจงบทบาทของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญเพื่อสร้างการพัฒนาที่เป็นก้าวกระโดดเกี่ยวกับผลผลิตของเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2020 รัฐบาลได้มีโครงการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในช่วงปี 2020-2030
โดยจนถึงปี 2025 ชีวิตทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะดำเนินไปบนพื้นฐานดิจิทัลและนี่คือเสาหลักของการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเพื่อปฏิบัติเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับแนวคิดในการพัฒนา “ยกตัวอย่างเช่น สำหรับแนวคิดเกี่ยวกับการบริหาร ต้องทำอย่างไรเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นวัตกรรมมากขึ้น การบริหารภาครัฐคือการช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นมิใช่การควบคุมจำกัด หรือการช่วยเหลือสถานประกอบการที่มีความผูกพันระหว่างการเปลี่ยนแปลงใหม่เทคโนโลยีกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ผ่านนโยบายให้การช่วยเหลือ”
เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่และส่งเสริมนวัตกรรมตามแนวทางของพรรคและรัฐ เวียดนามจำเป็นต้องสร้างระบบนิเวศเพื่อระดมแหล่งพลังทางวัตถุของประชาชนและสถานประกอบการ ซึ่งระบบนิเวศนั้นต้องเป็นไปในเชิงปริมาณและมีความโปร่งใสเพราะจะเป็นพื้นฐานในการสร้างบรรยากาศเพื่อให้สถานประกอบการและประชาชนมีความมั่นใจทำงาน เปิดโอกาสให้แสดงออกถึงความสามารถ การเรียนรู้และความเท่าเทียมกัน โดยความเท่าเทียมกันนี้คือเรื่องนโยบาย วิธีการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อปฏิบัตินวัตกรรม โดยผลงานของการรับประโยชน์จากนวัตกรรมนั้นจะขึ้นอยู่กับผลิตภาพแรงงานของสถานประกอบการทุกแห่ง
นาย เหงียนซวนเบียว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้แสดงความเห็นว่า “พรรคเป็นผู้นำและระดมองค์ความรู้ของมนุษย์ จากแนวทางที่ถูกต้องที่กำลังปฏิบัติ รัฐบาลต้องระบุอย่างเป็นรูปธรรมและสร้างระบบนิเวศที่เศรษฐกิจทุกภาคส่วนและประชาชนทุกคนสามารถแสดงออกถึงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อสร้างบรรยากาศการทำงานได้ สถานประกอบการ รัฐ ไปจนถึงแรงงานสามารถแสดงแนวคิดของพวกเขาและรู้สึกปลอดภัยตามข้อกำหนดของกฎหมาย ประเทศก็จะพัฒนา”
ในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ ประชาชนและสถานประกอบการมีบรรยากาศเพื่อส่งเสริมความสร้างสรรค์ที่สะดวก อิสระมากขึ้น ดังนั้น การที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 ยืนยันว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนเป็นพลังขับเคลื่อนสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตามความเห็นของนาย หวิ่งวันมิงห์ อดีตนายกสมาคมสถานประกอบการนครโฮจิมินห์ แหล่งพลังสำคัญ 2 อย่างของเศรษฐกิจเวียดนามคือสถานประกอบการภายในประเทศและสถานประกอบการที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอ
โดยสถานประกอบการภายในประเทศส่วนใหญ่เป็นภาคเอกชน ดังนั้น เพื่อผลักดันการพัฒนาของเศรษฐกิจทุกภาคส่วนต้องมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ทางกลไก “ผมคิดว่า ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่กลไกให้เหมาะสม อำนวยความสะดวกให้แก่เศรษฐกิจขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะเศรษฐกิจขนาดจิ๋วและธุรกิจสตาร์อัพ พวกเราควรให้ความสนใจถึงเศรษฐกิจทุกภาคส่วนทั้งด้านจิตใจและวัตถุ ซึ่งหมายความว่า นอกจากการช่วยเหลือแนะนำโดยตรงแล้ว ต้องเดินพร้อมกับสถานประกอบการและประชาชน ต้องทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน”
มนุษย์เป็นปัจจัยชี้ขาดต่อทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ปัญหาของมนุษย์ยังคงได้รับการเน้นย้ำโดยถูกระบุในร่างรายงานของที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 โดยเจ้าหน้าที่นั้นต้องมีทั้ง "คุณธรรม" และ "ความสามารถ" อย่างสมบูรณ์ นาย เหงียนหิวโจว์ สมาชิกสภาให้คำปรึกษาด้านวัฒนธรรมสังคมของแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้แสดงความเห็นว่า เพื่อปฏิบัติความมุ่งมั้นนำประเทศพัฒนา ต้องสร้างสรรค์แถวขบวนเจ้าหน้าที่ที่มีความมุ่งมั่นและแนวคิดเปลี่ยนแปลงใหม่ “บนเจตนารมณ์แห่งการนำประเทศพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่
เรื่องบุคลากรนอกจากมีคุณธรรม แล้วก็ต้องภักดีต่อลัทธิมาร์กซ์เลนิน แนวคิดโฮจิมินห์และสังคมนิยม มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม และความมั่นคงทางการเมืองด้วย คุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ในปัจจุบันคือต้องถือประชาชนเป็นศูนย์กลางและต้องยึงโยงกับประชาชน”
การผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงนวัตกรรม การถ่ายทอด การประยุกต์ใช้และพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอย่างเข้มแข็ง การสร้างสรรค์และส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรม พลังที่เข้มแข็งของชาวเวียดนามโดยมนุษย์เป็นปัจจัยชี้ขาดต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่เชิงนวัตกรรม นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญเพื่อสร้างพื้นฐานในการนำประเทศเวียดนามพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 22 มกราคม 2564