พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามรับรองพิมพ์เขียวเศรษฐกิจตั้งเป้าเติบโต 7% ดันเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
รอยเตอร์ - ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เวียดนามได้ตั้งเป้าที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า ด้วยเครื่องมือต่างๆ ของตนเอง ทั้งข้อตกลงการค้าเสรี การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวด
จากชุดข้อตกลงการค้าเสรีและโรงงานที่ย้ายฐานออกจากจีนมากขึ้น ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ได้อนุมัติรับรองอย่างเป็นทางการที่จะเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจากเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 6 ในช่วงก่อนการระบาด เป็นร้อยละ 6.5-7.0 ในช่วงปี 2564-2568
ในพิมพ์เขียวการพัฒนาเศรษฐกิจที่ได้รับการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคที่จัดขึ้นทุก 5 ปี ระบุว่า จะส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น บริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ และบริษัทอินเทล และในขณะเดียวกัน พรรคกำลังตั้งเป้าที่จะให้ประเทศเป็นมากกว่าการเป็นจุดหมายปลายทางแรงงานต้นทุนต่ำ โดยผลักดันให้กลายเป็นศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และจากข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในมือมากกว่า 10 ฉบับ เวียดนามยังมีเป้าหมายที่จะขยายและกระจายตลาดส่งออก
ขณะเดียวกัน ประเทศยังได้ประโยชน์จากจีนและสหรัฐฯ ที่ทำสงครามการค้าระหว่างกัน จนทำให้ได้ผู้ผลิตจากชาติตะวันตกหลายรายพยายามที่จะย้ายการผลิตออกจากจีน โดยมีเวียดนามเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม
ในการกล่าวแถลงหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรค เหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรค ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเดิมเป็นสมัยที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ (31) กล่าวว่า เวียดนามจะตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่างเต็มตัวภายในปี 2588 และการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายที่สูงลิ่วในช่วงปี 2564-2568 นี้ มีขึ้นในขณะที่เวียดนามกำลังรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน เครื่องเตือนใจว่าความสำเร็จในอนาคต อย่างน้อยที่สุดในระยะสั้น ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส
การเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 2.9 ในปีก่อน ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับหลายประเทศในโลก แต่สำหรับเวียดนามแล้วนับเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ที่เป็นผลจากมาตรการการกักตัวที่เข้มงวด การปิดพรมแดน และมาตรการการต่อต้านไวรัสต่างๆ
แม้จะเกิดการระบาด แต่ในเดือน ม.ค. กิจการในเครือของบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยีจากไต้หวัน ได้รับใบอนุญาตการลงทุนมูลค่า 270 ล้านดอลลาร์ในประเทศ ที่บริษัทกำลังย้ายฐานประกอบ iPad และ MacBook จากจีน ขณะเดียวกันผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกันอย่างบริษัทอินเทล ระบุว่า ได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนามอีก 475 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์
พรรคระบุในพิมพ์เขียวว่า ประเทศจะมุ่งเน้นในมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเติมเต็มองค์ประกอบของเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม และจัดการความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและตลาดและสังคมให้ดียิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นั่นคือรหัสสำหรับเวียดนามที่จะขับเคลื่อนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นกิจการที่ดำเนินงานในพื้นที่ที่เห็นว่ามีความสำคัญสำหรับความมั่นคงและการป้องกันประเทศ
พรรคยังกล่าวว่า จะย้ายความสนใจในด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากปริมาณไปสู่คุณภาพ ที่โฟกัสในเรื่องความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
ในช่วงหลายสิบปีของการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอย่างแข็งแกร่ง ที่ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการแรงงานมากและไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เวียดนามจะไม่อนุมัติโครงการที่มีเทคโนโลยีล้าสมัย และเสี่ยงก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม คำแถลงของพรรคระบุ
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 1 มกราคม 2564