ส่งเสริมสติปัญญาเวียดนามเพื่อพัฒนาประเทศเวียดนามให้เจริญรุ่งเรือง
เอกสารของการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13 ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาของเวียดนามคือ “จะพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและมีรายได้ปานกลางในระดับสูงภายในปี 2030 ซึ่งเป็นปีรำลึกครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคและในปี 2045 จะพัฒนาเป็นประเทศพัฒนาที่มีรายได้สูง ซึ่งเป็นปีรำลึกครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งประเทศ” นี่เป็นความปรารถนาและเป้าหมายที่ประชาชาติเวียดนามมุ่งปฏิบัติ ซึ่งเวียดนามกำลังส่งเสริมสติปัญญาและแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์เพื่อพัฒนา
ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ที่เป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่เชิงนวัตกรรมมีบทบาทที่สำคัญต่อการเพิ่มผลผลิต การขยายตัวและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมได้กลายเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จและเป็น 1 ในปัจจัยที่สำคัญในการปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมของทุกประเทศและดินแดนต่างๆในโลก
ผลักดันการพัฒนาขบวนการปัญญชนเวียดนาม
เพื่อปฏิบัติเป้าหมายและความปรารถนาดังกล่าว เวียดนามต้องขึ้นอยู่กับภูมิปัญญา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรม นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญของการขยายตัว ซึ่งเทคโนโลยีใหม่และบรรดาปัญญาชนรุ่นใหม่ที่มีทักษะความสามารถในการใช้ ควบคุมและมีความคิดสร้างสรรค์ด้านเทคโนโลยีใหม่เป็นปัจจัยชี้ขาดให้แก่การขยายตัวในระยะยาว ซึ่งเป็นกุญแจเพื่อให้เวียดนามสร้างก้าวกระโดดในการพัฒนา หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน เหงวียนชี้หยุงได้ย้ำว่า
“มติของกรมการเมืองได้กำหนดว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมถือสถานประกอบการเป็นศูนย์กลาง มหาวิทยาลัยเป็นฝ่ายวิจัย เพื่อปฏิบัติแนวทางนี้ กระทรวงวางแผนและการลงทุนาได้ส่งเสริมจิตใจแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่นวัตกรรมในกิจกรรมต่างๆของประชาชนและสถานประกอบการให้ความสำคัญต่อนักธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการวิจัย การผลิตเพื่อผลักดันการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับสถาบันวิจัย โรงเรียน ปลูกฝังความคาดหวังเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างไม่หยุดยั้งของประชาชน สถานประกอบการ โดยเฉพาะ เยาวชนและคนรุ่นใหม่เวียดนาม”
ภูมิปัญญาของชาวเวียดนามคือพลังและทรัพยากรอันล้ำค่าเพื่อให้เวียดนาพัฒนา
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกประสบอุปสรรคมากมาย สถานประกอบการเทคโนโลยีดิจิทัลกว่า 1 หมื่น 3 พันแห่งได้รับการก่อตั้ง เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วง 30 ปีก่อน หน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศได้สร้างงานทำให้แก่แรงงานกว่า 1 ล้านคน มีส่วนร่วมร้อยละ 14 ต่อจีดีพีและเกือบร้อยละ 40 ของมูลค่าการส่งออกของประเทศ เวียดนามเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศในโลกที่ใช้เทคโนโลยี ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบ 5 จี สามารถพัฒนา ระบบนิเวศผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและความมั่นคงด้านอินเตอร์เน็ตร้อยละ 90 เพื่อให้เวียดนามพัฒนาเข้าใกล้ประเทศมหาอำนาจในด้านระดับความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ต
โดยมีผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงที่ได้รับการส่งออกไปยังสหรัฐ เช่น กล้องวงจรปิดของ BKAV การพัฒนาของสถานประกอบการดิจิทัลอาจได้รับการยืนยันในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยสามารถผลิตแอพพลิเคชั่นเกือบ 40 แอพฯเพื่อแอพพลิเคชั่น Bluezone และการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม เช่น NCoV data Group และแอพพลิเคชั่น Bluezone
ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีของชาวเวียดนามและการเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งของสถานประกอบการเวียดนาม แม้จะประสบอุปสรรคแต่เวียดนามยังคงติดอยู่ในกลุ่ม 6 ประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีในโลกเกี่ยวกับระบบ 5 จี ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ภูมิปัญญาของชาวเวียดนามคือพลังและทรัพยากรอันล้ำค่า เป็นแหล่งพลังเพื่อให้เวียดนามพัฒนา ดอกเตอร์ เหงวียนแหมงหุ่ง ประธานสภาบริหารและผู้อำนวยการใหญ่บริษัท Thai Ha Books ได้เผยว่า
“เวียดนามต้องถือเรื่องนี้เป็นโอกาสในการพัฒนาเพราะในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 พวกเราได้พัฒนาช้ากว่าโลก 20 -30 ปีแต่ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ การพัฒนาดิจิทัลเป็นโอกาสเดียวเพื่อให้เวียดนามพัฒนาทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจ อาทิเช่น เครือบริษัทเวียดเทลของเวียดนามติดอันดับที่ 6 ของโลกเกี่ยวกับการให้บริการระบบ 5 จี ดังนั้น นี่เป็นโอกาสให้ปัญญาชนเวียดนามมีความคิดริเริ่มที่สร้างสรรค์ต่างๆ รัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะ กระทรวงการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ต้องร่วมสถานประกอบการเวียดนามใช้โอกาสนี้”
จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เวียดนามได้ประสบผลงานต่างๆ ซึ่งปัจจัยชี้ขาดคือรัฐบาลตระหนักได้ดีว่า การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเป็นโอกาสทอง ในช่วงต้นปีนี้ รัฐบาลและกระทรวงต่างๆได้ส่งเสริมให้ประชาชนทุกชั้นชนใช้โอกาสจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์ที่ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่เป็นจริง เพิ่มผลผลิตและทักษะความสามารถในการแข่งขัน มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะ แหล่งปัญญาชนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมมากขึ้นในการวิจัยวิทยาศาสตร์และมาตรการต่างๆในด้านหลัก เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ การรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564