เอกชนสหรัฐมองเศรษฐกิจฟื้นตัวใน 6-12 เดือน เฟดชี้ ม.ค. - กลางก.พ. เศรษฐกิจขยายตัวแล้วเล็กน้อย
ขณะที่ธุรกิจเอกชนมองเชิงบวก เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวใน 6-12 เดือนข้างหน้า รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ “Beige Book” ของเฟดสะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเล็กน้อยท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19
ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) เปิดเผยรายงาน สรุปภาวะเศรษฐกิจ ของเฟดทั้ง 12 เขตหรือที่เรียกว่า รายงาน Beige Book เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว เพียงเล็กน้อยในเดือนม.ค.จนถึงช่วงกลางเดือนก.พ.ปีนี้ เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุม การระบาดของโรคโควิด-19 และห่วงโซ่อุปทานที่เผชิญกับภาวะชะงักงัน
ผลสำรวจของเฟดระบุว่า ภาพรวมของธุรกิจด้านสันทนาการและโรงแรมยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ภาพรวมของกิจกรรมด้านการผลิตในเกือบทุกเขตมีการขยายตัวเล็กน้อย แม้เผชิญกับปัญหาติดขัดของห่วงโซ่อุปทาน ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภค และยอดขายรถยนต์ในเขตต่างๆนั้นไร้ทิศทางที่ชัดเจน
ส่วนระดับการจ้างงานมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจคาดการณ์ว่าการจ้างงานจะฟื้นตัวเล็กน้อยในระยะใกล้นี้ และคาดว่าค่าจ้างจะยังคงปรับตัวขึ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ รายงานของเฟดยังระบุว่า ภาคธุรกิจเอกชนส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากมีการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นวงกว้างแล้ว
ส่วนในการประชุมเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าภาวะตลาดแรงงานจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศัยภาพตามที่เฟดประเมินไว้
นอกจากนี้ เฟดจะยังคงเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลังอีกอย่างน้อย 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ที่มีหนี้จำนองค้ำประกัน (MBS) อีกอย่างน้อย 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดเชื่อว่าการซื้อสินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้ตลาดต่างๆ ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น และช่วยสนับสนุนภาวะด้านการเงินให้เป็นไปในลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้สินเชื่อไหลเวียนไปสู่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 4 มีนาคม 2564