ปฏิบัติเป้าหมายเพื่อนำเวียดนามกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองภายในปี 2045
ในการ "สนทนา 2045" ภายใต้อำนวยการของนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ที่มีขึ้นเมื่อบ่ายวันที่ 6 มีนาคม ณ นครโฮจิมินห์ สถานประกอบการและกลุ่มบริษัทใหญ่ๆหลายแห่งของเวียดนามได้ร่วมกันแสดงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการแปรเป้าหมาย "นำเวียดนามกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองภายในปี 2045"
ในการสนทนา ตัวแทนของสถานประกอบการ กลุ่มบริษัทใหญ่ๆเกือบ 50 แห่งและปัญญาชนได้มีการกล่าวปราศรัยที่เป็นไปในทางเดียวกันกับคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ว่า "ร่วมกันมีปฏิบัติการ ร่วมกันปฏิบัติตามคำโอวาทของประธานโฮจิมินห์เกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่ง รุ่งโรจน์และพัฒนาทัดเทียมกับประเทศต่างๆภายในปี 2045 ตามเจตนารมณ์ของมติสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยที่ 13"
นาย เจืองญาบิ่งห์ ประธานกลุ่มบริษัท FPT หัวหน้าคณะกรรมการวิจัยการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนของสภาที่ปรึกษาการปฏิรูประเบียบราชการของนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า ยิ่งกว่าเวลาใดทั้งหมด ชาวเวียดนามต้องร่วมแสดงกันมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเพื่อนำประเทศพัฒนาให้แข็งแกร่ง และนั่นจะต้องเป็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของทั้งประชาชาติ มิใช่แค่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเพื่อมีความมุ่งมั่นนี้ จำเป็นต้องมี "ความเชื่อมั่นอันยิ่งใหญ่" ระหว่างรัฐบาลกับสถานประกอบการ และระหว่างสถานประกอบการกับรัฐบาล ซึ่งชุมชนสถานประกอบการมีความปรารถนาว่า รัฐบาลจะมีความเชื่อมั่นต่อสถานประกอบการภาคเอกชน
“สถานประกอบการมีความประสงค์ว่า รัฐบาลจะจัดทำนโยบายและมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ส่วนสถานประกอบการเป็นผู้ปฏิบัติ รัฐบาลไม่ใช่เป็นฝ่ายจัดทำข้อกำหนดเพื่อตรวจตราและตรวจสอบสถานประกอบการ หากพวกเรามีความประสงค์ว่า รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนให้แก่แนวคิดของสถานประกอบการ สิ่งใดที่นำประโยชน์มาให้แก่ประเทศ ประชาชน เศรษฐกิจและการขยายตัวก็ควรปฏิบัติ”
ตามความเห็นของดร. โด๋เทียนแองต๊วน อาจารย์ของมหาวิทยาลัย Fulbright เวียดนามยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวที่เข้มแข็ง โดยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7 ต่อปีและถ้าหากธำรงอัตราการขยายตัวนี้ได้อย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2045 เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับสูงของโลก ซึ่งเพื่อปฏิบัติสิ่งนี้ รัฐบาลมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการการจัดทำ สนับสนุนและออกนโยบายส่งเสริมต่างๆ
“รัฐบาลมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจัดทำ ผลักดันและสนับสนุนผ่านนโยบายของผู้นำที่ถือผลประโยชน์และการรับใช้ประชาชนเป็นหลัก ผมเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะมีนักธุรกิจหลายคนที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น วันนี้ พวกเรากล่าวถึงนักธุรกิจ แต่ผมอยากกล่าวถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นั่นคือผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม กล้าคิดกล้าทำ มุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อสนับสนุนประชาชน รับใช้ประเทศชาติ มีความรับผิดชอบ มีศักดิ์ศรีและมีศิลธรรม”
นาง เหงียนเฟืองถาว ประธานกลุ่มบริษัท Sovico ผู้อำนวยการใหญ่ของเวียดเจ็ทแอร์และรองประธานสภาบริหารของ HDBank ได้ยืนยันว่า "การสนทนา 2045" สร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่นักธุรกิจและปัญญาชน ความคาดหวังที่ว่าในปี 2045 ซึ่งประจวกกับการรำลึกครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งประเทศ เวียดนามจะกลายเป็นประเทศพัฒนาและมีรายได้สูงถือเป็นความท้าทาย แต่เวียดนามก็มีศักยภาพ มีพื้นฐานและพลังขับเคลื่อนเพื่อแปรความคาดหวังนั้นเป็นความจริง สถานประกอบการภาคเอกชนต้องเปลี่ยนแปลงแนวคิดตอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพผ่านนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายของรัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆ สร้างบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่เท่าเทียมกันระหว่างเศรษฐกิจภาคต่างๆและระหว่างสถานประกอบการ
“พวกเราหวังว่า รัฐบาลจะเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภาคเอกชนและสถานประกอบการ เน้นพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน สนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มบริษัทเศรษฐกิจภาคเอกชนที่มีความเข้มแข็งและมีเครื่องหมายการค้าในระดับประเทศและระดับสากล ร่วมกันผลักดันสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคการเกษตร ชนบทและบริษัทสตาร์ทอัพ”
นาย โด๋มิงฟู้ ประธานสภาบริหารของธนาคาร TPBank และประธานสภาผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท DOJI ได้ประเมินว่า ปัจจุบัน พรรคและรัฐได้ระบุบทบาทของเศรษฐกิจภาคเอกชนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและมีบทบาทในเชิงบวกมากขึ้น ตามรายงานของกระทรวงวางแผนและการลงทุน เมื่อปลายปี 2019 เศรษฐกิจภาคเอกชนมีสัดส่วนร้อยละ 42 ของจีดีพี และมีส่วนร่วมร้อยละ 30 ของรายรับงบประมาณ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เศรษฐกิจภาคเอกชนได้สร้างงานทำร้อยละ 85 ให้แก่เศรษฐกิจ และจนถึงปี 2030 คาดว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนจะคิดเป็นร้อยละ 60 ของจีดีพี นาย โด๋มิงห์ฟู้ เผยว่า
“พวกเราตั้งความหวังว่า นายกรัฐมนตรี รัฐบาล กระทรวงและหน่วยงานต่างๆจะอำนวยความอย่างเต็มที่เพื่อหล่อเลี้ยงความมุ่งมั่นและขยายผลไปสู่สถานประกอบการนับล้านแห่ง เพื่อให้ชุมชนสถานประกอบการเวียดนามฟันฝ่าอุปสรรค ความยากลำบาก สร้างสรรค์ปิตุภูมิของเราในโอกาสครบรอบ 100 ปีวันก่อตั้งประเทศและเพื่อให้เวียดนามกลายเป็นประเทศพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองให้สมกับการเป็นลูกหลานของกษัตริย์หลากลองกวนและเจ้าแม่เอิวเกอ”
ในการสรุปการสนทนา 2045 นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้แสดงความประสงค์ว่า สถานประกอบการทุกแห่งจะร่วมกันทำให้ประเทศเวียดนามที่แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางเพื่อให้ปัญญาชนและผู้ที่มีความสามารถทุกคนมีโอกาสรับใช้และอุทิศตน มีสถานประกอบการหลายแห่งก้าวรุดหน้าเป็นกลุ่มบริษัทระดับโลก อีกทั้งยืนยันว่า เวียดนามในปี 2045 จะเป็นภาพวาดที่สวยงามที่ชาวเวียดนามทุกคนในปัจจุบันและในอนาคตต่างมีโอกาสเพื่อมีส่วนร่วมในการเติมแต่งสีสัน
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 9 มีนาคม 2564