"หอการค้า" เจรจารัฐวิสาหกิจจีน เตรียมสั่งซื้อวัคซีน "ซิโนฟาร์ม"
หอการค้า เผยวัคซีนทางเลือกจากจีน-สหรัฐ เป็นไปได้มากที่สุด ระบุเอกชนเจรจารัฐวิสาหกิจจีนเตรียมสั่งซื้อ “ซิโนฟาร์ม” ในนามองค์การเภสัชฯ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า การจัดหาวัคซีนทางเลือกในส่วนภาคเอกชนอยู่ระหว่างการดำเนินการใน 4 กลุ่ม คือ
1.วัคซีน Moderna และ Pfizer จากประเทศสหรัฐ
2.วัคซีน Sinopharm และ CanSino Biologics จากจีน
3.วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech จากอินเดีย
4.วัคซีน Sputnik V จากรัสเซีย แต่ก็พิจารณาวัคซีนอื่นอีก
สำหรับ วัคซีน Sinopharm ทางหอการค้าไทยได้ติดต่อกับรัฐวิสาหกิจของจีนที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลจีนในการส่งออกวัคซีน Sinopharm ซึ่งรัฐวิสาหกิจดังกล่าวได้เสนอราคามาแล้วพร้อมจำนวนวัคซีนที่ส่งให้ได้เบื้องต้นกว่าล้านโดส
ทั้งนี้ ไทยต้องชัดเจนว่าจะสั่งซื้อจำนวนเท่าใด และจะต้องเสนอการซื้อวัคซีนดังกล่าวไปยังองค์การเภสัชกรรม เพราะวัคซีน Sinopharm ยังไม่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนก่อนคาดว่าใช้เวลา 1 เดือน และเมื่อ อย.อนุมัติก็จัดซื้อและนำเข้าได้
“วัคซีนทางเลือกนี้เรายังไม่เลือกหรือฟันธงว่าจะเลือกซื้อวัคซีนตัวไหน แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือวัคซีนจากสหรัฐและจีน” นายสนั่น กล่าว
ทั้งนี้ หอการค้าไทยจะเป็นศูนย์กลางประสานผู้ที่ต้องการซื้อวัคซีนทางเลือก โดยหลังจากประชุม CEO จาก 45 บริษัทที่ต้องการวัคซีน 1 ล้านโดส มีบริษัทแจ้งความจำนงต้องการซื้อวัคซีนเพิ่มต่อเนื่อง
ซึ่งหอการค้าไทยประสานกับคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนทางเลือกป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นหัวหน้าคณะทำงานตลอดเวลา และให้เอกชนเจรจาโดยตรงกับบริษัทผลิตวัคซีนได้ แต่การนำเข้าวัคซีนนั้นต้องผ่านองค์การเภสัชกรรม และเอกชนเป็นผู้จ่ายเงินก่อนตามเงื่อนไขที่ตกลงกับผู้ผลิต
นายกลินท์ สารสิน อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
1.รัฐบาลจัดหาเอง
2.หอการค้าไทย โดยภาคเอกชนจัดหาและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ฉีดให้ประชาชนและพนักงานเอกชนฟรี
3.โรงพยาบาลเอกชนจัดหาเองแต่ผู้ใช้บริการต้องเสียค่าฉีดวัคซีนเอง ทั้งนี้ได้เริ่มมีการติดต่อกับผู้ผลิตวัคซีนแล้ว
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลประชุมของภาคเอกชน ได้ส่งข้อมูลไปให้ภาครัฐแล้ว ซึ่งต้องขอต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ตอบรับข้อเสนออย่างรวดเร็วในการเร่งหาวัคซีนทางเลือก โดยอำนวยความสะดวกในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งภาคเอกชนจะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองด้วยเพื่อช่วยลดงบประมาณของรัฐบาล
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 23 เมษายน 2564