เช็ค! เปิดเทอม 14 มิ.ย.นี้ "โรงเรียน" พื้นที่ไหนเปิด-ไม่เปิด "ภาคเรียน"
เหลืออีก 4 วัน ก็จะถึงวัน "เปิดเรียน" ของเหล่าน้องๆ วัยคอซอง หลังจาก "กระทรวงศึกษาธิการ" ได้มีการเลื่อน "เปิดเรียน" สถานศึกษา จากเดิมวันที่ 17 พ.ค.2564 มาเป็นวันที่ 1 มิ.ย.2564 และวันที่ 14 มิ.ย.ที่จะถึงนี้
โดยการ 'เปิดเรียน'ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ เรียกได้ว่าเปิดเกือบทุกพื้นที่ แต่ต้องเลือกรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัย และลดการแพร่ระบาดของ 'โควิด 19' โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ 'พื้นที่สีแดงเข้ม' 4 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ยังเปิดเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ เรียนได้เฉพาะออนไลน์ หรือออนแอร์เท่านั้น
ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือ 'พื้นที่สีแดง' มี 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี, ชลบุรี, ฉะเชิงเทรา, ตาก, นครปฐม, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ประจวบคีรีขันธ์, พระนครศรีอยุธยา, เพชรบุรี, ยะลา, ระนอง, ระยอง, ราชบุรี, สมุทรสาคร, สงขลา และสุราษฎร์ธานี ให้ใช้อาคารสถานที่ฯ เปิดเรียนได้ โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ส่วนที่เหลือ 56 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม หรือ 'พื้นที่สีส้ม' เปิดเรียนได้ตามมาตรการ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
* 14 มิ.ย. พื้นที่สีแดงเข้ม เรียนออนไลน์เท่านั้น :
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่าการเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 หากมีสถานศึกษาใดในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือ 'พื้นที่สีแดง' และพื้นที่ควบคุม หรือ 'พื้นที่สีส้ม' ประสงค์จะดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้น ดำเนินการประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มี 44 ข้อ โดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิ.ย.
ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ 'พื้นที่สีแดงเข้ม' 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน สามารถจัดการเรียนได้ในรูปแบบการสอนออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น ทั้งนี้ถึงแม้โรงเรียนจะเปิดไม่พร้อมกัน แต่ต้องปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 15 ต.ค. 2564 เพื่อไม่กระทบกับปฏิทินการสอบต่างๆ
ทั้งนี้ ‘กระทรวงศึกษาธิการ’ ได้มีการมอบนโยบายให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ เตรียมพร้อม ‘เปิดเรียน’ ในวันที่ 14 มิ.ย.2564 นี้ พร้อมย้ำให้เขตพื้นที่วางแผนการเรียนการสอน 5 รูปแบบให้มีประสิทธิภาพ
* 'เปิดเรียน'5 รูปแบบ สถานศึกษาจัดอย่างเหมาะสม :
รมว.ศธ. กล่าวต่อว่า ศธ.ได้ถอดบทเรียนการจัดการศึกษาในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านมามีการทบทวนและต่อยอดรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในช่วง'เปิดเรียน'มีทั้ง 5 รูปแบบ เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ และได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการวางระบบติดตามประเมินผล และรายงานผลการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ 'โควิด 19' โดยจะต้องไม่เป็นภาระกับสถานศึกษา และการที่โรงเรียนจะใช้รูปแบบใดในการจัดการเรียนการสอนต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน
สำหรับการสอนเป็น 5 รูปแบบ เพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ คือ 1.On-site เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) 2.On-air เรียนผ่านมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ DLTV 3.On-demand เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ 4.On-line เรียนผ่านอินเตอร์เน็ต และ 5.On-hand เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัดใบงาน ในรูปแบบผสมผสาน หรืออาจใช้วิธีอื่นๆ เช่น วิทยุ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 มีโรงเรียนในหลายพื้นที่เริ่มทยอยเปิดเรียนไปแล้ว โดยได้ขอให้ทางเขตพื้นที่ได้บริหารจัดการศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และในวันที่ 14 มิ.ย.2564 นี้จะเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 อย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้น โรงเรียนจะต้องเตรียมความพร้อมจัดการเรียนการสอนใน 5 รูปแบบ ให้เกิดความยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
* ‘สถานศึกษา’ พร้อม 'เปิดเรียน' 15,951 แห่ง :
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่าจากการสำรวจโรงเรียนที่พร้อมเปิดภาคเรียน จำนวน 28,698 แห่ง (ไม่รวมการศึกษาพิเศษ) โดยเป็นโรงเรียนที่เปิดภาคเรียนและจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียน (On Site) แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 จำนวน 12,571 แห่ง, 'เปิดภาคเรียน' ในวันที่ 14 มิ.ย.2564 จำนวน 15,951 แห่ง และ 'เปิดเรียน' ในช่วงวันที่ 2-13 มิ.ย.2564 อีก 171 แห่ง ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์และบริบทของแต่ละแห่ง
สถานศึกษาส่วนใหญ่จะเรียนด้วยวิธีผสมผสานทั้ง 5 รูปแบบการสอน (On Site – On Air – On Hand – On Demand – Online) ไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งโดยเฉพาะ แม้แต่โรงเรียนที่เปิดแบบ On Site เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของครูและนักเรียนเป็นสำคัญ ไม่ได้เอาโรงเรียนหรือครูเป็นฐาน หรือครูกำหนดให้ เพราะที่ผ่านมามีปัญหานักเรียนไม่มีอุปกรณ์ แต่ครั้งนี้มีการสำรวจตามความพร้อมของนักเรียน และเป็นไปตามความสมัครใจของนักเรียนในการเรียนตามช่องทางต่าง ๆ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เช่น จำนวนครูสอนออนไลน์จากบ้านไปยังเด็ก หรือเด็กที่เรียนออนไลน์จากบ้าน เพื่อประสานกับ กสทช.ช่วยเหลือดูแลค่าอินเทอร์เน็ตให้กับครูและนักเรียนต่อไป อีกทั้งขณะนี้ สพฐ.ได้แจ้ง กสทช. ขอรับการสนับสนุนให้มีการเรียนผ่าน On Air เพิ่มเติมทางช่อง TPBS, ททบ.5 และช่อง 9 MCOT แล้ว ซึ่งจะมีรายการของ สพฐ. ตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้เป็นต้นไป
ส่วนโรงเรียนประจำ ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เข้าไปช่วยดูแลด้านสุขอนามัยของนักเรียนในการเตรียมการ 'เปิดเรียน' เพื่อคัดกรองและแนะนำการปฏิบัติตัวภายในโรงเรียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับครูอนามัยในโรงเรียนประจำ โดยเฉพาะกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ ที่มีนักเรียนเดินทางมาจากหลากหลายพื้นที่ จะต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยหากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ต้องจัดเป็นกลุ่มและประเมินสถานการณ์ 14 วัน หลังจากนั้นค่อยเข้าสู่ระบบการเรียนปกติ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 10 มิถุนายน 2564