วันนี้ (12 ก.ค.) ชาวกรุงเทพฯ และอีก 9 จังหวัดต้องเผชิญกับมาตรการใหม่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ไปอีก 14 วันเป็นอย่างน้อย ผลพวงจากโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่ระบาดเร็วทั่วเอเชียแปซิฟิก

 

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลายประเทศในเอเชียและแปซิฟิกกำลังเผชิญสถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดครั้งใหญ่อีกครั้งทำให้ต้องเร่งออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หลังจากรับมือโควิดได้ดีในรอบหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา

 

จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นช่วงหลังทำให้เมื่อวันศุกร์ (9 ก.ค.) หลายประเทศ เช่น ไทย เกาหลีใต้ และเวียดนามต้องออกมาตรการเข้มงวดหวังชะลอการแพร่ระบาดก่อนที่ระบบสาธารณสุขจะรับมือไม่ไหว

 

ประกอบกับทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อัตราการฉีดวัคซีนยังทำได้น้อยด้วยหลายเหตุผล เช่น ปัญหาการผลิตและการแจกจ่าย อีกทั้งตอนที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังน้อยประเทศเหล่านี้รีๆ รอๆ ไม่รีบตัดสินใจซื้อวัคซีน รวมถึงการควบคุมการระบาดได้ดีในช่วงแรกจึงไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนของวัคซีน เมื่อฉีดวัคซีนไม่ทันกับการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า เอเชียแปซิฟิกจึงต้องใช้การล็อกดาวน์และมาตรการเข้มงวดอื่นๆ อีกครั้ง

 

ล็อกดาวน์โฮจิมินห์ :

 

เมื่อวันศุกร์ (9 ก.ค.) โฮจิมินห์ซิตี้ ศูนย์กลางเศรษฐกิจเวียดนาม ประชากร 9 ล้านคน เข้าสู่การล็อกดาวน์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 รอบล่าสุด หลังจากเคยควบคุมการเดินทางมาแล้วแต่โควิดยังระบาดหนัก ทางการจึงต้องใช้มาตรการ “แยกตัวทางสังคม” ซึ่งก็คือการล็อกดาวน์ ห้ามประชาชนในโฮจิมินห์ซิตี้รวมตัวกันเกินสองคนในที่สาธารณะ ต้องอยู่แต่ในบ้าน ออกมาได้เฉพาะซื้ออาหาร ยา และเหตุฉุกเฉินเท่านั้น

 

ตำรวจตั้งจุดตรวจบริเวณรอยต่อของเมือง อนุญาตให้เฉพาะคนที่มีผลตรวจโควิดเป็นลบเท่านั้นจึงจะเข้าเมืองได้สายการบินรับส่งผู้โดยสารเข้ากรุงฮานอยได้ไม่เกินวันละ 1,700 คน รถไฟระหว่างสองเมืองหลักหยุดให้บริการ

 

เวียดนามเคยได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบในการสกัดโควิด ผลจากการตามรอยโรคและกักตัวอย่างเข้มงวด ทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยต้องถูกกักตัวในศูนย์กักตัวของรัฐ

 

โฮจิมินห์ซิตี้เป็นเมืองแรกที่ปรับนโยบาย อนุญาตให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดกักตัวเองที่บ้านได้ เพราะศูนย์กักตัวของรัฐเต็ม

 

นับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อปีก่อนจนถึงเดือน เม.ย.ปีนี้ เวียดนามที่มีประชากร 96 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อโควิดไม่ถึง 3,000 คน แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ข้อมูลจากศูนย์วิจัยโควิดมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ถึงวันที่ 9 ก.ค. เวียดนามมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 24,810 คน เสียชีวิต 104 คน ฉีดวัคซีนไปแล้วราว 4 ล้านโดส ประชากรที่ฉีดวัคซีนครบแล้วราว 240,000 หรือ 0.25% ของทั้งหมด

 

รัฐบาลฮานอยประกาศแผนฉีดวัคซีนประชากรอายุ 18 ปี ขึ้นไปให้ได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้ และฉีดได้ 70% ภายในเดือน มี.ค.2565

 

“การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นมาตรการที่จำเป็นและสำคัญเพื่อสกัดโรคและเป็นหลักประกันให้กับการพัฒนาสังคม-เศรษฐกิจ” แถลงการณ์กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุ

 

เข้มงวดมหานครโซล :

 

เกาหลีใต้ตอนแรกได้รับคำชื่นชมว่ารับมือการระบาดได้ดี ด้วยมาตการตรวจหาเชื้อเป็นวงกว้างและตามรอยโรค ตอนนี้มีเสียงวิจารณ์ว่าการที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลผลักดันให้ผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะเพราะกังวลว่าจะส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันอุปทานวัคซีนไม่พอทำให้ประชาชนเกาหลีใต้ 70% ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเลยสักเข็ม

 

อย่างไรก็ตาม ยอดรวมผู้เสียชีวิตเมื่อเร็วๆ นี้ลดลง ทางการกล่าวว่า เป็นเพราะคนที่ได้รับวัคซีนก่อนคือกลุ่มคนชราที่เสี่ยงสูงกว่า

 

และจากการที่เขตมหานครโซลมีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นมาก ทางการจึงประกาศเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ว่า ตั้งแต่วันนี้จะเริ่มใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดที่สุด รวมถึงห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 3 คนหลัง 18.00 น. ปิดไนท์คลับและโบสถ์ ห้ามไปเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาลและบ้านพักคนชรา งานวิวาห์ งานศพไปร่วมได้เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น

 

อินโดนีเซียล็อกดาวน์บางพื้นที่ :

 

เอพีระบุว่า ไม่มีประเทศใดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถูกโควิดเล่นงานสาหัสเท่าอินโดนีเซีย ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันในรอบ 7 วัน เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกล่าวว่า การล็อกดาวน์บางส่วนเฉพาะเกาะชวาและบาหลีเมื่อวันที่ 3 ก.ค. น้อยเกินไปและสายเกินไป พร้อมเตือนว่าการระบาดระลอกปัจจุบันที่ส่วนใหญ่อยู่บนเกาะชวา บาหลี และอีก 2-3 เมืองบนเกาะสุมาตราจะเริ่มกระจายไปทั่วอินโดนีเซีย ประเทศหมู่เกาะอันกว้างใหญ่ไพศาลเร็วๆ นี้ และเมื่อนั้นระบบสาธารณสุขที่ตึงตัวอยู่แล้วจะรับไม่ไหว

 

มาเลเซียล็อกดาวน์ทั่วประเทศ :

 

มาเลเซียล็อกดาวน์เข้มงวดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านมาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. แต่ละครัวเรือนอนุญาตให้บุคคล 1 คนออกไปซื้ออาหารและเครื่องใช้จำเป็นได้เท่านั้น แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ก็ยังพุ่งไม่หยุด วันที่ 9 ก.ค.ติดเชื้อเพิ่ม 9,180 คน ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตั้งแต่ 1 มิ.ย. อยู่ที่ 5,903 คน

 

นี่เป็นการล็อกดาวน์ทั่วประเทศครั้งที่ 2 ของมาเลเซีย รัฐบาลกล่าวว่าจะคงมาตรการไว้จนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันลดลงต่ำกว่า 4,000 คน หรือประชากรฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 10% แต่ก็ต้องแลกด้วยต้นทุนมหาศาล เศรษฐกิจเสียหายหนัก ธุรกิจจำเป็นต้องปิดตัวลงมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับพนักงานอีกหลายหมื่นคนต้องตกงาน

 

อินเดียเจ็บก่อนฟื้นก่อน :

 

ข้อยกเว้นหนึ่งในภูมิภาคนี้ดูเหมือนจะเป็นอินเดีย ที่แรกที่พบสายพันธุ์เดลตา บางทีอาจเป็นเพราะว่า อินเดียเกิดการติดเชื้อพุ่งสูงอีกรอบก่อนใครเพื่อน จึงค่อยๆ ฟื้นตัวจากความเจ็บปวดเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค.ก่อนคนอื่น

 

ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และเสียชีวิตในอินเดียลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ประชากรที่เข้าข่ายฉีดวัคซีนยังฉีดครบไม่ถึง 5% ทางการกำลังเร่งมือแจกจ่ายวัคซีนและทุ่มสร้างโรงพยาบาลสนามและเตียงไอซียู รวมถึงตุนออกซิเจนสำรอง

 

ญี่ปุ่น-ออสเตรเลียควบคุมรอบใหม่ :

 

สัปดาห์ที่ผ่านมาญี่ปุ่นและออสเตรเลียประกาศข้อจำกัดรอบใหม่ ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียว เท่ากับว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กำลังมาถึงส่วนใหญ่ห้ามมีผู้ชมในสนาม

ส่วนออสเตรเลียที่พบสายพันธุ์เดลตาเมื่อเดือนก่อนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ต้องล็อกดาวน์ซิดนีย์ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มไม่หยุด 

 

ตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.-9 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อในซิดนีย์ 439 คน แม้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับเมืองส่วนใหญ่ทั่วโลก แต่ออสเตรเลียเน้นป้องกันการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ขณะที่ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วมีเพียง 9% เท่านั้น

 

นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ เผยว่า ไม่เคยคิดเรื่องใช้ชีวิตร่วมกับไวรัส หากประชาชนไม่อยากให้เกิดการเสียชีวิตหลายพันคนก็จำเป็นต้องพลิกสถานการณ์ล่าสุดวานนี้ ออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตจากโควิดรายแรกของประเทศในปีนี้ และเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรกเช่นกัน เป็นหญิงวัย 90 ปีในรัฐนิวเซาท์เวลส์

จับตายูโร 2020 กระจายเชื้อ

 

ประเทศที่ถูกจับตามองมากคืออังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ประกาศวันเสรีภาพ (Freedom Day) 19 ก.ค. เลื่อนจากวันที่ 21 มิ.ย. ยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยจะตัดสินใจอย่างเป็นทางการในวันนี้

 

ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาอังกฤษผ่านบททดสอบใหญ่ด้วยการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2000) ที่สนามเวมบลีย์ในกรุงลอนดอน วานนี้ (11 ก.ค.) ชิงชนะเลิศกับอิตาลี ไม่กี่วันก่อนหน้านั้นในรอบรองชนะเลิศเตะกับเดนมาร์ก ผู้ชมนัดละราว 60,000 คน

 

ในช่วงที่ประเทศอยู่ระหว่างการระบาดระลอก 3 และสายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธุ์หลัก ขณะที่อิตาลีก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากอย่างรวดเร็วเช่นกัน จนนักระบาดวิทยาในสองประเทศเตือนว่า ฟุตบอลยูโร 2020 อาจเพิ่มการแพร่กระจายเชื้อในหมู่ชายหนุ่มและผู้ใหญ่

 

เดนิส คีเนน นักภูมิคุ้มกันวิทยาผู้ร่วมก่อตั้งไซน์โพสต์ ไดแอกโนสติกส์ (Cignpost Diagnostics) บริษัทตรวจหาเชื้อโควิด เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมื่อผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะ จำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูง และไวรัสมีโอกาสเข้าไปสู่สมาชิกในครอบครัวด้วย

 

ผลการศึกษาของอิมพิเรียลคอลเลจพบว่า การติดเชื้อโควิดในอังกฤษเพิ่มขึ้น 4 เท่าในเดือนที่ผ่านมา ผู้หญิงตรวจพบเชื้อน้อยลง 30% เนื่องจากการพบปะกันของผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชาย อย่างน้อยๆ ส่วนหนึ่งเพราะฟุตบอลยูโร 2020

 

“คำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดคือ ผู้ชายติดต่อใกล้ชิดกันบ่อยขึ้น” สตีเวน ริลีย์ อาจารย์ด้านพลวัตโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยลอนดอนกล่าว

 

เยอรมนีเคยตั้งคำถามกับสมาพันธุ์ฟุตบอลแห่งยุโรป (ยูฟา) ที่ปล่อยให้มีผู้ชมจำนวนมหาศาลในสนาม ขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ชี้ว่า จำเป็นต้องจับตานอกสนามอย่างผับและบาร์ที่ประชาชนไปรวมตัวกันด้วย

 

สำหรับอังกฤษ การแข่งขันที่สนามเวมบลีย์ในกรุงลอนดอนถือเป็น “กิจกรรมนำร่อง” ที่เปิดรับฝูงชนจำนวนมากขึ้น โดยผู้ชมต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบหรือฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

ในอิตาลี คาร์โล ซิญอเรลลี อาจารย์ด้านสุขอนามัยและสาธารณสุข มหาวิทยาลัยซานราฟาเอลในเมืองมิลาน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันละอองฝอยแพร่กระจายขณะแฟนบอลส่งเสียงหรือร้องเพลงเชียร์ได้

 

“เราอยู่กับมันมาตั้งนานแล้ว ใส่อีกสักวันโลกคงไม่แตกหรอกน่า” นักวิชาการกล่าวกับหนังสือพิมพ์ลารีพับบลิกาของอิตาลี เตือนแฟนบอลก่อนนัดชิงมาถึง

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 12 กรกฏาคม 2564