สธ. เสนอ "COVID Free" ผ่อนคลายมาตรการ เดินทางข้ามจังหวัด - รับประทานอาหารในร้านได้ หากลูกค้าฉีดวัคซีนครบ เคยติดเชื้อหรือมีผลตรวจโควิด
วันนี้ (26 สิงหาคม) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงการผ่อนคลายมาตรการว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,501 ราย รักษาหาย 20,606 ราย เสียชีวิต 229 ราย สถานการณ์เป็นไปตามฉากทัศน์ คือผลของการล็อกดาวน์มากกว่า 4 สัปดาห์มีประสิทธิภาพ ลดการติดเชื้อ 20-25% แต่การเสียชีวิตยังสูงในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนกลุ่มนี้
ภาพรวมขณะนี้ประเทศไทยน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่ยังมีการระบาดต่อเนื่องโดยมีแนวโน้มทิศทางค่อยๆ ลดลง แต่ยังต้องขอความร่วมมือประชาชน กิจการต่างๆ ให้คงมาตรการ เพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อรุนแรงอีกในอนาคต
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมมาตรการเสนอต่อที่ประชุม ศบค. วันที่ 27 สิงหาคม 2564 เพื่อให้กิจการที่มีความเสี่ยงน้อยและมีความสำคัญ ยังสามารถดำเนินกิจการต่อได้ เช่น การนั่งรับประทานในร้านอาหาร กิจการกลางแจ้ง และการเดินทางข้ามจังหวัด โดยเฉพาะเครื่องบิน โดยจะเพิ่มมาตรการไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อ คือ COVID Free Program โดยสถานประกอบการต้องจัดสิ่งแวดล้อม เว้นระยะห่าง และระบบระบายอากาศ
ส่วนพนักงานและลูกค้าจะต้องเป็น COVID Free คือฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เคยติดเชื้อมาแล้ว 1-3 เดือนถือว่ามีภูมิ หรือมีผลตรวจโดยชุดตรวจ ATK ว่าไม่มีโควิด ซึ่งผู้รับบริการจะต้องแสดงเอกสารรับรองดังกล่าวเพื่อเข้ารับบริการ หากไม่สามารถแสดงเอกสารรับรองได้ กรณีร้านอาหารยังสามารถใช้บริการสั่งกลับบ้านได้ นอกจากนี้ ทุกคนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ตลอดเวลา
“เรื่องดังกล่าวเป็นข้อเสนอ รายละเอียดต่างๆ อยู่ที่การพิจารณาของ ศบค. ว่าจะเริ่มดำเนินการเมื่อไร มีข้อกำหนดอย่างไร โดยมาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการแนะนำเบื้องต้น อาจจะมีกิจการต้นแบบและใช้เป็นมาตรฐานต่อไปในอนาคต และจะมีการกำกับติดตาม อย่างไรก็ตาม กิจการต่างๆ เมื่อเปิดแล้วต้องช่วยกันดูแล ป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ต้องปิดอีก” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
สอดคล้องกับมติที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด หรือ ศบค.ชุดเล็ก ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม โดยจะผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ รวมทั้งลดระยะเวลาเคอร์ฟิว หรือห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาล 1 ชั่วโมง โดยรายงานข่าวจากที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ระบุว่า ในส่วนของการผ่อนปรนร้านอาหารให้นั่งรับประทานในร้านได้นั้น จะมี 2 ส่วนคือ
1). ร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดแอร์ อนุญาตให้นั่งรับประทานในร้านได้คิดเป็น 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
2). ร้านอาหารที่ไม่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือไม่เปิดแอร์ ให้นั่งได้ 75% ของจำนวนที่นั่งในร้าน
ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขเข้มงวด อาทิ พนักงานสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามตะโกนสั่งอาหาร ห้ามรวมกลุ่ม ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
ส่วนการลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น ยังห้ามประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มออกนอกเคหสถาน แต่ ศบค.ชุดเล็ก หารือและลงมติให้ลดเวลาลงจากเดิม 1 ชั่วโมง เหลือเวลา 22.00 ถึง 04.00 น. จากเดิม 21.00-04.00 น. นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่จะเสนอเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานการประชุมในวันพรุ่งนี้ (27 สิงหาคม) เพื่อลงมติว่าจะเห็นชอบตาม ศบค.ชุดเล็กหรือไม่ แล้วจะเริ่มบังคับใช้เมื่อไร
ที่มา thestandard.co
วันที่ 26 สิงหาคม 2564