เอกชนเสนอแนวทาง "เปิดเมืองปลอดภัย" แนะใช้ Digital Health Pass

หอการค้าร่วมกับภาคเอกชน เสนอภาครัฐเปิดเมืองอย่างปลอดภัย  ตามวิถี new normal  แนะใช้ Digital Health Pass ช่วยควบคุมการเปิดธุรกิจ
 
นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย และคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ (Business Resume) ภายใต้คณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้มีข้อเสนอเปิดเมืองปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเสนอให้มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจ ให้สามารถกลับมาดำเนินการได้ พร้อมปรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้ปลอดภัย และควบคุมการระบาดของโรคให้อยู่ในระดับที่ความสามารถทางสาธารณสุขรองรับได้ ดังนี้
 
โดยภาคเอกชนได้เห็นตรงกันว่า การผ่อนคลายให้กิจการและธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการ ควรพิจารณาจากความพร้อมของพื้นที่และลักษณะของกิจการ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลในปัจจุบันมาเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของพื้นที่ใหม่แทนการพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว โดยสามารถพิจารณาจาก ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีน (ทั้งในภาพรวมและกลุ่มเสี่ยง) ขีดความสามารถทางสาธารณสุข (จำนวนเตียงสีเหลือง/แดงที่เหลือ หรือจำนวนผู้ป่วย ICU) หรือ สัดส่วนการเสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อ
 
 
ด้านนายกลินท์  สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทย ในฐานะประธานคณะทำงานกลุ่มมาตรการสำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ กล่าวว่า ควรมีการพิจารณาให้กิจกรรมบางประเภทกลับมาจัดได้ แต่ต้องประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงของกิจกรรม เพราะเราต้องใช้ชีวิตแบบ new normal ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะเข้าไปร่วมดำเนินการจัดทำมาตรฐาน กระบวนการป้องกัน และกระบวนการรักษาความสะอาด เพื่อให้เป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้ รวมทั้งให้ธุรกิจเดินหน้าได้ ซึ่งเสนอให้แบ่งเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถดำเนินการผ่อนคลายได้เลย สำหรับกิจการที่มีความเสี่ยงปานกลาง ต้องมีมาตรการเพิ่มเติม ตรวจเรื่องความปลอดภัยของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ โดยใช้ Digital Health Pass มาช่วยดำเนินการควบคุมการเปิดดำเนินการและการใช้บริการ แต่หากเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง ยังต้องปิดการดำเนินการไปก่อน
 
 
สำหรับระบบ Digital Health Pass สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีน หรือผลการทดสอบ Rapid Test ของประชาชน ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยเชื่อมข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยืนยันและคัดแยกว่าประชาชนนั้นไม่ได้เป็นผู้ติดเชื้อ เชื่อมโยงข้อมูลกับระบบที่มีอยู่ โดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลจาก Centralized Portal ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
 
1). ผู้ออกเอกสารรับรอง (Issuers) เป็นข้อมูลจากส่วนกลางที่ระบุข้อมูล ทั้งข้อมูลการฉีดวัคซีน หรือผลการตรวจ ATK ที่จะเชื่อมโยงกับระบบปัจจุบันที่มีอยู่ได้ ซึ่งฐานข้อมูลสามารถแยกกันเก็บได้
 
2). ผู้ตรวจสอบคุณสมบัติในการเข้าสถานที (Verifiers) เจ้าของสถานประกอบการที่เป็นคนตรวจสอบก่อนให้เข้ามาในสถานประกอบการ โดยต้องกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเข้าสถานที่ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ โดยภาครัฐควรออกแนวปฏิบัติที่ชัดแจนออกมา
 
3). ประชาชนหรือบุคคลที่ขอเข้ารับบริการจากสถานที่ (Individual) ข้อมูลของแต่ละคน ที่จะต้องนำระบบ SMART PHONE หรือ QR CODE ซึ่งสามารถสั่งพิมพ์ออกมาได้ และเชื่อมข้อมูลไปยัง Issuers ว่าเป็นบุคคลนั้น ๆ โดยจะแสดงข้อมูลเฉพาะว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” เท่านั้น
 
 
นอกจากนั้น คณะทำงานยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Digital Health Pass อาทิ ควรรองรับการอ่าน Vaccine Certificate ของชาวต่างชาติในอนาคตได้ และรองรับการทำงานแบบ offline เพื่อป้องกันระบบล่มเมื่อมีการใช้งานพร้อมกันมาก ๆ ควรมีการเข้ารหัส เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและอ่านข้อมูล รวมทั้ง ระบบต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ เป็นต้น
 
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 26 สิงหาคม 2564  

@Admin TVBC

สนใจสมัครสมาชิกหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ฝ่ายเลขานุการฯ
โทร: 02-018-6888 ต่อ 4340
Email: tvbc.secretariat@gmail.com

:)