นักธุรกิจและสถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์และรูปแบบการประกอบธุรกิจ
ในการนี้ ประธานสภาแห่งชาติ เวืองดิ่งเหวะ ได้ประเมินว่า เวียดนามมีสถานประกอบการรายใหญ่ที่มีเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียง เข้าร่วมกระบวนผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ปฏิบัติยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม สร้างงานทำให้แก่แรงงาน ปฏิบัติงานด้านสวัสดิการสังคม การแก้ปัญหาความยากจน
โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 บรรดาสถานประกอบการได้ส่งเสริมจิตใจแห่งความสามัคคี ความรับผิดชอบ การเป็นฝ่ายรุกและมีความคิดสร้างสรรค์ในการปรับตัวและฟันฝ่าความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 พร้อมทั้งกำชับให้สถานประกอบการและนักธุรกิจต้องเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัว เปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์และรูปแบบการประกอบธุรกิจ เปลี่ยนแปลงใหม่เทคโนโลยีและมีมาตรการเพื่อค้ำประกันแหล่งแรงงาน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เปิดทั้งโอกาสและความท้าทายให้แก่การพัฒนา ดังนั้นสภาแห่งชาติเดินพร้อมกับสถานประกอบการ
“คณะกรรมาธิการสามัญสภาแห่งชาติเรียกร้องให้บรรดาสถานประกอบการและนักธุรกิจเพิ่มความรู้ เน้นถึงคุณสมบัติ คุณธรรม จิตสำนึกของพลเมือง ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม จิตใจประชาชาติ กำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ แนวคิดเชิงก้าวกระโดด กล้าคิดกล้าทำ มีความปรารถนาเพื่อพัฒนา มีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพ ประสิทธิภาพ ขีดความสามารถในการแข่งขัน
เน้นถึงการบริหารสถานประกอบการ มีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ยั่งยืนและการพึ่งพาตนเอง จากจิตใจและความตั้งใจขจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ความกล้าหาญของชาวเวียดนาม ผมมีความเชื่อมั่นว่า นักธุรกิจและสถานประกอบการเวียดนาม จะมีวิธีการใหม่ พยายามฟันฝ่าอุปสรรค ความท้าทาย ใช้โอกาสเพื่อประสบความสำเร็จ”
ที่มา vovworld.vn
วันที่ 13 ตุลาคม 2564