สรุปสถานการณ์ยุโรป หลายประเทศล็อกดาวน์-คุมโควิดเข้ม อัตราฉีดวัคซีนชะลอตัว
ยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิดอีกครั้ง ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศพิจารณาที่จะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงก่อนที่จะถึงเทศกาลคริสต์มาส ขณะที่มีการถกเถียงกันว่าวัคซีนเพียงอย่างเดียวเพียงพอที่จะควบคุมการระบาดหรือไม่
การรณรงค์ฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวและฤดูไข้หวัดใหญ่ โดยประมาณ 65% ของประชากรในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ซึ่งรวมสหภาพยุโรป ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และนอร์เวย์ ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา
ศูนย์ควบคุมโรคแห่งยุโรปเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (12 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมาว่า 10 ประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศ กำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิดที่น่ากังวล โดยเตือนว่าการแพร่ระบาดกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วทั้งทวีป โดยเฉพาะเบลเยียม บัลแกเรีย โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เอสโตเนีย กรีซ ฮังการี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสโลวีเนีย อยู่ในกลุ่มที่น่ากังวลสูงสุด
สำหรับประเทศที่กลับมาประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือข้อจำกัดที่เข้มงวด ประกอบด้วย
1).เนเธอร์แลนด์
มาร์ก รุตเตอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ประกาศล็อกดาวน์บางส่วนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่ตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิดในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยบาร์และร้านอาหารจะปิดเร็วขึ้น ขณะที่การแข่งขันกีฬายังจัดต่อไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้มีผู้ชม
2).เยอรมนี
เยนส์ สปาห์น รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ประกาศเมื่อวันศุกร์ (12 พฤศจิกายน) ว่ารัฐบาลจะกลับมาตรวจโควิดฟรีให้แก่ประชาชนตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ขณะที่มาตรการต่างๆ เช่น การบังคับสวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างทางสังคมในที่สาธารณะ จะยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า
3).ออสเตรีย
นายกรัฐมนตรี อเล็กซานเดอร์ ชาลเลนเบิร์ก เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (12 พฤศจิกายน) ว่า รัฐบาลออสเตรียเตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์กับผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยจะเริ่มในอัปเปอร์ออสเตรียและซาลซ์บูร์กเป็นสองแห่งแรก ตั้งแต่วันจันทร์นี้ (15 พฤศจิกายน)
4).ลัตเวีย
ลัตเวีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำที่สุดในสหภาพยุโรป ประกาศล็อกดาวน์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม
5).สาธารณรัฐเช็ก สโลวาเกีย และรัสเซีย
ทั้งสามประเทศต่างใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดมากขึ้น ขณะที่คณะรัฐมนตรีของสาธารณรัฐเช็กอยู่ระหว่างพิจารณาว่าอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการใหม่
6).นอร์เวย์
รัฐบาลนอร์เวย์ประกาศเมื่อวันศุกร์ (12 พฤศจิกายน) ว่าจะกลับมาใช้มาตรการควบคุมโควิดทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการใช้บัตรผ่านด้านสุขภาพ ท่ามกลางจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้นอร์เวย์ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับโควิดทั้งหมดเมื่อปลายเดือนกันยายน จะเสนอฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แก่ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่จะไม่มีการล็อกดาวน์ใหม่ นายกรัฐมนตรี โจนัส กาห์ร์ สโตเร กล่าวในการแถลงข่าวว่า มาตรการใหม่นี้รวมถึงการกำหนดให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยโควิดต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์และสวมหน้ากากอนามัย
7).ไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ ซึ่งมีประชากรประมาณ 375,000 คน ตัดสินใจใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่เมื่อต้นสัปดาห์ มาตรการดังกล่าวรวมถึงการจำกัดจำนวนการชุมนุมในที่สาธารณะไม่เกิน 50 คน จากเดิม 500 คน สระว่ายน้ำและสถานที่เล่นกีฬาสามารถรับผู้เข้าใช้บริการได้ไม่เกิน 75% ของความจุ ทั้งนี้ 89% ของชาวไอซ์แลนด์ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งประมาณ 36,000 คนในจำนวนนี้ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น และรัฐบาลคาดว่าจะฉีดเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนอีก 160,000 คนภายในสิ้นปีนี้
ที่มา the standard
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564