“ไบเดน”ถก”สี” ปรับความสัมพันธ์ มะกัน-จีน มุ่งแข่งขันปลอดขัดแย้ง
รอยเตอร์และเอพีรายงานว่า การประชุมสุดยอดทางไกลผ่านระบบซูมเป็นครั้งแรกระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งปักหลักอยู่ที่ห้องรูสเวลต์ ในทำเนียบขาว ที่กรุงวอชิงตัน กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในห้องทำงานภายใน อีสต์ ฮอลล์ ของมหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดำเนินไปอย่างราบรื่นและตรงไปตรงมา ภายใต้บรรยากาศที่เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายพยายามลดอุณหภูมิร้อนแรงที่เกิดจากความขัดแย้งซึ่งกันและกันในหลายประเด็นที่ผ่านมาให้ลดน้อยลงและหาหนทางปรับความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น
การถกสุดยอดซึ่งเริ่มเมื่อเวลา 19.46 น. (07.46 น. วันที่ 16 พฤศจิกายนตามเวลาไทย) กินเวลารวมนานกว่า 3 ชั่วโมง จนผู้นำทั้งสองต้องพักระหว่างการหารือ 15 นาทีหลังจากพูดคุยกันในช่วงแรกต่อเนื่อง 2 ชั่วโมงเต็ม บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นซึ่งทำเนียบขาวอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กๆอยู่ด้วยในช่วงสั้นๆ เต็มไปด้วยความเป็นกันเองและไม่เป็นทางการนัก ผู้นำทั้งสองโบกมือทักทายกันทันทีที่ภาพของอีกฝ่ายปรากฏบนจอ และชวนกันรื้อฟื้่นความสัมพันธ์ในอดีตเมื่อครั้ง ไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ส่วนประธานาธิบดีสี แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยกับ “เพื่อนเก่า” เป็นครั้งแรกแบบเห็นหน้า แม้จะยืนยันว่าการพบแบบเห็นหน้าค่าตากันจะดีกว่ามากก็ตาม
ผู้นำจีนพูดผ่านล่าม ระบุว่าสหรัฐอเมริกาและจีนมีความรับผิดชอบในฐานะเป็น 2 เขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นสมาชิกในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วยกัน ให้ต้องเพิ่มการสื่อสารและความร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายที่กำลังเผชิญอยู่ ในขณะที่นายไบเดนแสดงความเห็นพ้องว่า จีนและสหรัฐอเมริกาต้องไม่ทำให้การแข่งขันซึ่งกันและกันเบี่ยงเบนไปจนกลายเป็นความขัดแย้ง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม และจำเป็นที่ต้องทำให้การแข่งขันซึ่งกันและกันเป็นการแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา
หลังเสร็จสิ้นการประชุม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไบเดนได้หยิบยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นมาแสดงความกังวลไว้อย่างตรงไปตรงมา ทั้งในเรื่องอุยกูร์, ฮ่องกง รวมถึงความกังวลในกรณีไต้หวัน รวมทั้งพยายาม “ปกป้องแรงงานอเมริกันและอุตสาหกรรมต่างๆ จากการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากจีน” และได้หารือกันถึงประเด็นปัญหาระดับภูมิภาค รวมทั้งปัญหาเกาหลีเหนือ, อัฟกานิสถานและอิหร่าน
“ตอนนี้ ทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในช่วงของขั้นตอนการพัฒนาที่สำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่มนุษยชาติซึ่งอยู่ในหมู่บ้านโลกแห่งก็กำลังเผชิญกับปัญหาท้าทายเป็นจำนวนมากอยู่พร้อมๆ กัน” ผู้นำจีนกล่าว
ผู้นำจีนตอกย้ำถึงความสำคัญของอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของตนเอง เป็นนัยแสดงถึงความอ่อนไหวและสำคัญของปัญหาไต้หวัน ในขณะที่ไบเดน ยืนยันถึงการยึดถือนโยบายจีนเดียว แต่พร้อมที่จะคัดค้านการกระทำใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของสันติภาพและเสถียรภาพเหนือช่องแคบไต้หวันในเวลานี้ ทำให้สี จิ้นผิง ย้ำอีกครั้งว่า จีนและสหรัฐอเมริกาควรเคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติและแสวงหาหนทางร่วมมือที่จะยังผลให้เกิดชัยชนะเหมือนๆกันของทั้งสองฝ่าย
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าการหารือกันในครั้งนี้จะส่งผลในทางที่ดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง โดยชี้ว่า เพียงแค่ตกลงที่จะเจรจากันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ทั้งจีนและสหรัฐเห็นว่า รูปแบบความสัมพันธ์ตึงเครียดที่ผ่านมาไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อทั้งสองฝ่าย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564