วัคซีนเข็มกระตุ้นอิสระภาพแห่งการใช้ชีวิต
ผู้เชี่ยวชาญออสเตรเลียระบุว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 หรือบูสเตอร์ มีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่โรคระบาดนี้ยังไม่หายไปจากโลกเพราะให้อิสระภาพในการใช้ชีวิตของผู้คน
“เรย์นา แมคอินไทร์”ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติต่อของชาวออสเตรเลีย เตือนว่า ออสเตรเลียกำลังเผชิญการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 และวัคซีนเข็มบูสเตอร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะมอบอิสระในการใช้ชีวิตให้กับประชาชนทั่วประเทศ
ปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 โดสในออสเตรเลียจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนครบแล้ว พร้อมกับได้รับอิสระต่าง ๆ เช่น การเดินทางระหว่างรัฐและระหว่างประเทศ รวมถึงการเข้าพักในโรงแรม และการรวมตัวทำกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากแต่แมคอินไทร์ มีความเห็นว่า วัคซีน 2 โดสอาจไม่เพียงพอ
แมคอินไทร์ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ไนน์ เน็ตเวิร์คว่า “ภูมิต้านทานจากวัคซีน 2 โดส ไม่ว่าจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์ จะเริ่มลดลงหลังผ่านไปไม่กี่เดือน จึงต้องปรับเกณฑ์ใหม่ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส คือคนที่ได้รับวัคซีน 3 เข็ม”
ออสเตรเลียเริ่มฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์เมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยทางการจะฉีดให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและทิ้งเวลาห่างจากเข็มสอง 6 เดือน
ความเห็นของแมคอินไทร์ มีขึ้นในช่วงเดียวกับที่สถานีโทรทัศน์บีเอฟเอ็มและหนังสือพิมพ์เลอฟิกาโรของฝรั่งเศสรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะประกาศให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ให้กับผู้ใหญ่ทุกคน รวมทั้งใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัย และการตรวจสอบบัตรผ่านสุขภาพ(Health pass) เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่
รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส แถลงเมื่อวันพุธ (24 พ.ย.) ว่า จะให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และเร่งการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้เร็วขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์อีกครั้งซึ่งเกิดขึ้นในประเทศยุโรปอื่น ๆ
โดยระยะห่างระหว่างหลังการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วกับเข็มบูสเตอร์จะถูกลดลงเหลือ 5 เดือนจากเดิม 6 เดือน และผลการทดสอบ PCR สำหรับผู้ไม่ฉีดวัคซีนจะใช้ได้เพียงวันเดียว
การฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์จะกลายเป็นข้อกำหนดสำหรับบัตรผ่านสุขภาพ ซึ่งใช้สำหรับการเข้าร้านอาหาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ และพิพิธภัณฑ์ รวมถึงสถานที่สาธารณะอื่น ๆ
เมื่อวันพุธ ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 32,591 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยหนักใกล้แตะ 1,500 ราย
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป(อีซีดีซี) ออกคำแนะนำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคน แต่ให้ความสำคัญกับบุคคลอายุ 40 ปีขึ้นไปในลำดับต้นๆ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากกรอบคำแนะนำคราวก่อนๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าควรฉีดเข็มกระตุ้นเฉพาะกับบุคคลสูงวัยที่เปราะบางและกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของรัฐบาลฝรั่งเศสและหน่วยงานด้านการควบคุมโรคของยุโรป มีขึ้นหลังจาก"โรเชลล์ วอเลนสกี" ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ลงนามเพื่อขยายสิทธิ์หลังจากคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟดีเอ) อนุมัติให้สามารถฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ผู้ใหญ่ทุกคนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จากไฟเซอร์/ไบออนเทค หรือโมเดอร์นาเป็นระยะเวลาอย่างต่ำ 6 เดือน
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานกำกับดูแลอนุญาตให้สามารถฉีดเข็มบูสเตอร์สำหรับผู้รับวัคซีนเข็มเดียวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน(เจแอนด์เจ) เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนได้
วอเลนสกี บอกว่า“เข็มกระตุ้นภูมิแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อและอาการรุนแรงของผู้คนได้อย่างปลอดภัย และเป็นเครื่องมือด้านสาธารณสุขที่สำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในช่วงเทศกาลฤดูหนาว”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ใหญ่จะสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้แล้ว แต่ปัจจุบันมีมีชาวอเมริกัน 18% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยซีดีซีให้คำแนะนำว่า ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ถึง 64 ปี ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้มีภาวะเสี่ยง อีกทั้งประชากรที่มีอายุ 18 ถึง 49 ปีก็สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 3 ได้หากต้องการ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564