หลายชาติผ่อนคลายคุมเข้มสกัดโควิด คืนชีวิตให้ผู้คน
แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงดำรงอยู่ แต่ขณะนี้มีหลายชาติเพิ่มมากขึ้นที่ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนกลับไปใช้ชีวิตด้วยการปาร์ตี้ในไนต์คลับ นั่งดูภาพยนตร์ติดกัน และไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอีกครั้ง
แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งประเทศจำนวนมากค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด ท่ามกลางความหวังว่าการแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนน่าจะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้ว ซึ่งอาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งหลังการแพร่ระบาดที่ยาวนานเกือบสองปี และอาจนำไปสู่การรับมือกับโควิดในวิธีเดียวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัด
ที่ยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแพร่ระบาดมานานหลายเดือน มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มมากที่สุด ไม่ว่าจะในอังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงหลายประเทศนอร์ดิกที่ได้ยุติหรือผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม ขณะที่ประเทศอย่างนอร์เวย์และเดนมาร์กได้ยกเลิกมาตรการแม้ว่าจำนวนที่ติดเชื้อรายวันยังคงอยู่ในระดับสูงมากก็ตาม
เช่นเดียวกับในสหรัฐที่หลายเมืองได้มีการยุติคำสั่งให้ผู้คนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือการสวมใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ แต่ยังบังคับให้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียนและระบบขนส่งสาธารณะ หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐลดลงจากค่าเฉลี่ยที่ 800,000 คนต่อวันเมื่อราวสองสัปดาห์ครึ่งที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 430,000 คนต่อวันในสัปดาห์นี้
องค์การอนามัยโลกระบุว่า หลายประเทศอาจพิจารณาที่จะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการอย่างระมัดระวัง หากผู้คนในประเทศมีภูมิคุ้มกันสูง ประเทศมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง รวมถึงมีแนวโน้มของการแพร่ระบาดเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมอยู่ในระดับเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 9% ไปอยู่ที่มากกว่า 59,000 ราย ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ปกติที่การเสียชีวิตจะเกิดขึ้นตามหลังการติดเชื้อ
แม้ดูเหมือนโอมิครอนจะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงน้อยกว่าเดลต้า แต่ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกยังคงออกมาเตือนว่าการประเมินความร้ายแรงของไวรัสต่ำเกินไปอาจทำให้ประเทศต่างๆ ลดมาตรการป้องกันตนเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่อันตรายร้ายแรงกว่าตามมา
นับจนถึงปัจจุบันมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกแล้วมากกว่า 370 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5.6 ล้านคน
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565