สรท. แนะธุรกิจส่งออกไปรัสเซียเรียกเงินมัดจำก่อนรับออร์เดอร์ และให้คู่ค้าชำระค่าสินค้าก่อนส่งมอบสินค้า ลดความเสี่ยง
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) แนะผู้ประกอบการส่งออกไปรัสเซียขอเงินมัดจำจากคู่ค้าก่อนรับออร์เดอร์ และให้ชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนก่อนส่งมอบสินค้า หลังรัสเซียเสี่ยงถูกแบนจาก SWIFT มองส่งออกไทยปีนี้ยังโตได้ 5%
ชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สรท. เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า จากการประชุมร่วมกับผู้ส่งออกรายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อติดตามและประเมินผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการตอบโต้ด้านการค้าและการเงินของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป เบื้องต้น สรท. คาดการณ์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนภาคการผลิต ทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น เช่น เหล็ก ธัญพืช เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งซื้อจากคู่ค้าลดลงบางส่วน
อย่างไรก็ตาม สรท. ยังประเมินโอกาสที่สถานการณ์การสู้รบจะไม่ยืดเยื้อบานปลายและจบลงบนโต๊ะเจรจาเอาไว้สูงราว 60-70% ซึ่งภายใต้ฉากทัศน์นี้ การส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะยังเติบโตได้ที่ 5% แต่ยอมรับว่าโอกาสที่การส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 8% ซึ่งเป็น Best case scenario ที่เคยประเมินไว้คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากรัสเซียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ทำให้การใช้มาตรคว่ำบาตรจะมีผลกระทบมากตามไปด้วย
“เรามั่นใจว่าการส่งออกในไตรมาสแรกจะขยายตัวได้ 5% แน่นอน แต่หากสถานการณ์สู้รบยังยืดเยื้ออาจกระทบต่อการส่งออกในไตรมาส 2 โดยอาจมีคำสั่งซื้อลดลงประมาณเดือนละ 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ” ชัยชาญกล่าว
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกของไทยไปรัสเซียมีสัดส่วนอยู่ที่ 0.38% ของมูลค่าการส่งออกไทยไปยังทั่วโลก หรือประมาณ 1,028 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าการส่งออกไทยไปยูเครนในปี 2564 มีสัดส่วนอยู่ที่ 0.05 % ของมูลค่าการส่งออกไทยไปยังทั่วโลก หรือประมาณ 134.76 ล้านดอลลาร์
สำหรับกรณีข่าวเรื่องการตัดรัสเซียออกจากเครือข่ายการชำระเงินชำระเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก หรือ SWIFT นั้น ชัยชาญระบุว่า จากการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดได้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงข้อเสนอของชาติสมาชิกบางชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป โดยยังไม่มีผล และต้องรอมติอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี จากความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ทำให้ สรท. ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกเร่งปรับตัวหาวิธีการโอนเงินใหม่และเพิ่มความรอบคอบในการรับออร์เดอร์จากรัสเซีย โดยผู้ประกอบการควรขอเงินมัดจำหรือ Deposit บางส่วนจากคู่ค้าก่อนรับออร์เดอร์ และขอให้คู่ค้าชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนก่อนส่งมอบสินค้า
“สิ่งที่เราเตือนผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายกับรัสเซียช่วงนี้คือ ต้องขอเงินก่อนส่งมอบสินค้า อย่ามอบก่อนส่ง เพราะความเสี่ยงสูงมาก อีกเรื่องคือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ต้องดูให้ดี” ชัยชาญกล่าว
ขณะเดียวกัน สรท. ยังมีข้อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีก 2 ข้อ ประกอบด้วย
1. เพื่อรับมือต่อความผันผวนของตลาดเงินทั่วโลก สรท. ขอให้ช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในกรอบ 32.5-33.5 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
2. เพื่อรับมือต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุน สรท. ขอให้รัฐพิจารณาอนุญาตการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ตามสัดส่วนราคาต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงอย่างแท้จริงทั่วโลก เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับต้นทุนการผลิตที่มีความผันผวนในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น
ที่มา the standard
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565