คอลัมน์ไฮไลต์โลก: 2ปี โลกกับโควิดและวิกฤตการศึกษา
โลกเผชิญกับการโรคโควิด-19 มานานกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งก่อผลกระทบเลวร้ายมากมายในแทบจะทุกมิติ รวมถึงวิกฤตทางการศึกษา ที่ทำให้เด็กมากมายหลายร้อยล้านคนทั่วโลกถูกพรากสิทธิการเข้าถึงทางการศึกษาไป ที่ยังอาจส่งผลต่อโอกาสในการทำงานและศักยภาพในการหารายได้ในอนาคตของเด็กๆ อีกด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิธอมสันรอยเตอร์ส องค์กรการกุศล ได้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิกฤตทางการศึกษาที่เยาวชนรุ่นนี้กำลังเผชิญจากผลพวงของโรคโควิด-19 โดยอ้างอิงข้อมูลจากหลายแหล่ง ได้แก่ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) องค์การยูนิเซฟ และ ธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์) ระบุว่า การปิดโรงเรียนเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเด็กมากถึงราว 1,600 ล้านคน คิดเป็นกว่า 90% ของประชากรวัยเด็กทั่วโลก ในจำนวนนี้มากกว่า 1,000 ล้านคน อยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง
การปิดโรงเรียนยังมีผลให้เด็กนักเรียนในเจเนอเรชั่นนี้ เสี่ยงจะสูญเสียรายได้ตลอดชีพรวมกันมีมูลค่าราว 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 14% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ทั่วโลกในปัจจุบัน
เด็กในกลุ่มอายุ 10 ขวบ มากกว่าครึ่งในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง ไม่สามารถอ่านข้อความง่ายๆ ได้ก่อนเกิดโรคระบาด อาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 70%
เด็กในเอเชียใต้ ละตินอเมริกา และแคริบเบียน ที่ขาดเรียนไปพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับเด็กในยุโรปตะวันตก
การเรียนออนไลน์ เป็นวิธีการตอบสนองที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการเรียนทางไกล แต่ปัญหาคือ เด็กวัยเรียนมากถึงราว 1,300 ล้านคนทั่วโลก ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ที่บ้าน ในขณะที่เด็กเกือบครึ่งหนึ่งในภูมิภาคซับซาฮารา แอฟริกา ยังแทบจะไม่มีไฟฟ้าใช้
เด็กนักเรียนเกือบ 500 ล้านคน ยังไม่สามารถเข้าถึงการเรียนทางไกลใดๆ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ ส่วนใหญ่อยู่ในครอบครัวยากจนที่สุดหรืออยู่ในชนบท
เด็กจำนวนมากอาจไม่มีวันได้กลับไปเรียนหนังสืออีกเลย โดยมีหลักฐานยืนยันได้อย่างในยูกันดาที่ชี้ว่า เกือบ 1 ใน 3 ของเด็กในประเทศนี้ที่เลิกเรียนไป ในบราซิล 1 ใน 10 ของเด็กนักเรียนอายุ 10-15 ปี บอกว่าพวกเขาไม่มีแผนที่จะกลับไปเรียนต่อ
เด็กทั่วโลกอีกราว 9 ล้านคน ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกผลักเข้าสู่ตลาดแรงงานเด็กภายในปลายปีนี้ เนื่องจากความยากจนเพิ่มขึ้น
ขณะที่เด็กนักเรียนอีกมากกว่า 370 ล้านคนทั่วโลก ยังอดได้รับอาหารมื้อกลางวันของโรงเรียน ที่เป็นแหล่งสารอาหารสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตของเด็กๆ
และการปิดโรงเรียนยังทำให้เด็กผู้หญิงราว 10 ล้านคน มีความเสี่ยงที่จะแต่งงานเร็วในช่วงทศวรรษหน้าและมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเลิกเรียนหนังสือ โดยองค์กรเวิลด์วิชั่นยังประเมินไว้ในช่วงต้นของการเกิดโรคระบาดว่า เด็กผู้หญิงราว 1 ล้านคนในซับซาฮารา แอฟริกา อาจเลิกเรียนหนังสือหลังจากเกิดการตั้งครรภ์ในช่วงล็อกดาวน์!!
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 17 มีนาคม 2565