เปิดประเทศ ทุกด่าน ต่อ “เราเที่ยวด้วยกัน” ดันเป้า 1.3 ล้านล้าน
หลังจากรัฐบาลโดย ศบค.ประกาศปรับมาตรการสำหรับการเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องตรวจ RT-PCR และ ATK (แนะนำให้ตรวจระหว่างพำนัก) สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 พบว่ามาตรการดังกล่าวได้สร้างความคึกคักให้กับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยอย่างมาก
และประสานเสียงในทิศทางเดียวกันว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยกเลิกเงื่อนไขการเข้าประเทศทั้งหมด เพราะประเทศอื่น ๆ ทยอยปลดล็อกไปหมดแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ฉีดวัคซีนภายในประเทศก็เพิ่มสูงขึ้น ที่สำคัญยังเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีที่สุดอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเสนอรัฐบาลพิจารณายกเลิก Thailand Pass ซึ่งเป็นระบบลงทะเบียนเข้าประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยได้ง่ายขึ้น
เลิก Thailand Pass 1 มิ.ย.
“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า เพื่อสร้างความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้กระทรวงเตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ให้พิจารณายกเลิกระบบ Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
โดยให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ต และกรอกข้อมูลการรับวัคซีนลงในแบบรายงานการบันทึกข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร (ตม.6)
รวมทั้งกำหนดให้ผ่อนคลายมาตรการการเข้าประเทศผ่านด่านทางบก ด้วยการเปิดพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย และไทย-ลาว ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ด้วยเช่นกัน
ต่อเราเที่ยวด้วยกัน-ทัวร์เที่ยวไทย
“พิพัฒน์” บอกด้วยว่า สำหรับแนวทางกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศนั้น กระทรวงได้หารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อขอต่ออายุโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 โดยอาจใช้งบประมาณที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงโลว์ซีซั่นที่กำลังจะมาถึง
โดยเบื้องต้นกระทรวงจะพยายามผลักดันโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 ให้มีสิทธิห้องพักขั้นต่ำราว 1 ล้านห้อง และอาจมีจำนวนสิทธิมากขึ้น หากทางรัฐบาลมีการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม โดยจะเริ่มต้นโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ไปจนถึง 30 กันยายน 2565
ขณะที่ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ ททท.ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการ และรับฟังเสียงตอบรับเกี่ยวกับนโยบายการเปิดประเทศ รวมถึงข้อเสนอแนะในมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
โดยหนึ่งในประเด็นหารือคือ การต่อโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 ซึ่งเบื้องต้นอาจใช้โมเดลนำงบประมาณที่เหลือมาจัดสรรใหม่ จำนวนสิทธิการจองห้องพักราว1-2 ล้านห้อง และอาจเสนอแนวคิดให้ผู้ประกอบการร่วมแบ่งห้องพักส่วนหนึ่งมาร่วมทำแคมเปญ ลดราคาลง 40% เพื่อเพิ่มสิทธิจำนวนห้องในภาพรวมให้มากขึ้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากรัฐบาลจะมีแนวคิดในการต่อโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 5 แล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาต่อมาตรการโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวยังใช้สิทธิไปเพียงแค่ประมาณ 50,000 สิทธิจากจำนวนสิทธิทั้งหมด 200,000 สิทธิ
ดันรายได้ท่องเที่ยว 1.3 ล้านล้าน
“ยุทธศักดิ์” บอกด้วยว่า สำหรับการกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ปัจจุบัน ททท.โฟกัสนักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง อินเดีย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่อาจเป็นการเดินทางเข้ามาแบบกรุ๊ปทัวร์ในช่วงปลายปีนี้
โดยคาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย 7-10 ล้านคน (เป้าเดิม 5-15 ล้านคน)
เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่ย้ำว่า กระทรวงมีความพยายามที่จะเสนอขอปรับลดมาตรการการเดินทางเข้าประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วขึ้นในช่วง 7-8 เดือนข้างหน้า
โดยตั้งเป้าปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย จำนวน 7-10 ล้านคน จำนวนคนไทยเที่ยวในประเทศจำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้รวมที่ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 1 พฤษภาคม 2565