"ดอน" นำคณะชุดใหญ่เยือนซาอุฯ ก้าวแรกของโอกาสและความร่วมมือ (2)
1 สัปดาห์หลังกลับจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของคณะผู้แทนไทยชุดใหญ่ ซึ่งมีทั้งผู้แทนภาครัฐและคณะนักธุรกิจที่นำโดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เชิญผู้ประกอบการทั้ง 38 บริษัทที่เดินทางร่วมคณะไปเจรจาธุรกิจกับภาคเอกชนซาอุฯ มาหารือถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้า รวมถึงโอกาสที่เห็นจากการเดินทางไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ และการจับคู่ทางธุรกิจกับนักธุรกิจซาอุฯ ก่อนที่จะสรุปข้อมูลให้ทราบว่า
กลุ่มธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและด้านธุรกิจความงามและการดูแลสุขภาพ (Wellness) ได้รับการตอบรับและมีการเจรจาธุรกิจมากกว่าธุรกิจอื่นๆ ซึ่งความต้องการจากซาอุฯ มีทั้งการเชิญชวนไปร่วมลงทุน ทั้งในธุรกิจโรงแรมและโรงพยาบาล การจัดคอร์สฝึกอบรมให้กับบุคลากรในธุรกิจ Wellness รวมทั้งการตอบรับที่ดีในการมารักษาพยาบาลในไทย ทั้งนี้ โอกาสในการทำเรื่อง Medical hub และสินค้าสุขภาพ ก็ยังเปิดกว้าง โดยทางซาอุฯ ต้องการเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการจากไทยอีกด้วย
สำหรับกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร
โดยปกติจะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปที่ซาอุฯ อยู่แล้ว แต่การเดินทางไปครั้งนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชนซาอุฯ รู้จักประเทศไทยมากขึ้น ทั้งอาหารฮาลาล อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และผลไม้ไทย ทำให้มีบริษัทเทรดดิ้งมาติดต่อเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดี โดยสินค้าที่เป็นที่ต้องการจากซาอุฯ อาทิ ไก่ ปลา กุ้ง อาหารสัตว์ น้ำมะพร้าว รวมถึงอาหารไทย และข้าวไทย ซึ่งควรมีการทำการตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์บางอย่างยังถูกห้ามนำเข้าอยู่ จึงเป็นความพยายามที่ภาครัฐต้องหาทางเจรจาผ่อนคลายสินค้าต่อไป รวมไปถึงการทำ FDA และการขอ อย.ด้วย
นอกจากอาหารคนแล้ว อาหารสัตว์เลี้ยงก็เป็นสินค้าที่ซาอุฯ สนใจ เนื่องจากมีความนิยมในการเลี้ยงแมวมาก ส่วนธุรกิจสายการบิน ก็มีการศึกษาเพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างกัน ธุรกิจศูนย์การค้า Shopping Mall ทางซาอุฯ ก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน
ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เคมีภัณฑ์ และสี ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากฝ่ายซาอุฯ เป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่องของซาอุฯ จึงมีโอกาสทั้งการส่งออกและการร่วมทุนทำธุรกิจระหว่างกัน ทั้งการสร้าง SMART CITY การออกแบบอาคารและเมือง เรื่อง supply สินค้าต่างๆ เช่น Solar Cell เป็นต้น ส่วนบริษัทด้านเทคโนโลยี ก็มีการคุยกันถึง Telemedicine, Gaming และ IOT platform ของ SMART City ร่วมกัน โดยจะมีการศึกษาในรายละเอียดและกฎระเบียบต่างๆ ร่วมกันต่อไป
ด้านแรงงานในภาพรวม ซาอุฯ ต้องการแรงงานของไทยไปทำงานในหลายสาขา ตั้งแต่ผู้บริหารโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล แรงงานฝีมือในการก่อสร้าง และยานยนต์ ซึ่งเป็นโอกาสของนักศึกษาสายอาชีวะที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเร็วๆ นี้ จะมีนักธุรกิจซาอุฯ เดินทางมาเยี่ยมชมโรงงานในประเทศไทยต่อไป อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ได้มีการเชิญนักธุรกิจซาอุฯ ที่สนใจมาดูโรงงานผลิตรถ BEV (รถยนต์พลังงานแบตเตอรี) ของไทย รวมทั้งยังสนใจรถดัดแปลงต่างๆ ซึ่งจะมีการส่งช่างมาอบรมที่ประเทศไทยด้วย ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจะมีการประสานงานกับภาคเอกชนกันอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือดังกล่าว มีทั้งการนำเข้าสินค้าจากซาอุฯ และการส่งออกสินค้าของไทย เช่น ธุรกิจอัญมณี ก็มีการออกแบบและเจรจาร่วมกันบ้างแล้ว
“ในเบื้องต้นประเมินว่า โอกาสในการทำการค้าระหว่างกันภายในปีนี้ จะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ที่จะมีเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามายังประเทศไทย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาคเอกชนไทยต้องการเพิ่มเติม คือ ข้อมูล ทั้งข้อมูลกฎระเบียบที่เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก กฎระเบียบที่เกี่ยวกับการลงทุน และการรับรองมาตรฐานสินค้า ข้อมูลการซื้อสินค้าในเชิงลึกที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ดังนั้น จึงขอให้ภาครัฐของไทยเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวให้กับภาคเอกชนด้วย เพื่อให้ภาคเอกชนมีข้อมูลก่อนการเดินทางไปเจรจาธุรกิจ นอกจากนั้น ยังขอให้ตั้ง focal point ฝ่ายไทยประจำที่ซาอุดีอาระเบีย เพื่อทำหน้าที่ประสานงานระหว่างภาคเอกชนไทยกับภาคเอกชนซาอุฯ อีกด้วย” นายสนั่นกล่าว
ทั้งนี้ ในวันที่ 4-7 กรกฎาคมนี้ ซาอุฯ จะจัดคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางมาเยือนไทย ซึ่งเป็นจังหวะที่ดี เพราะหลายคนยังไม่เคยมาประเทศไทยเลย ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสร้างความเชื่อมั่นในการทำการค้าระหว่างกัน และเป็นการสร้างโอกาสที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนให้กับซาอุฯ ในการขยายการค้าเชื่อมโยงกับภูมิภาคอาเซียนต่อไป
หอการค้าฯ เชื่อมั่นว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็น Regional Hub ใน ASEAN เพราะทั้ง BOI และ EEC ก็ได้ไป Roadshow ร่วมกับภาคเอกชน และได้มีการศึกษาลู่ทางต่างๆ ทั้งภาคการท่องเที่ยว การก่อสร้าง ธุรกิจพลังงาน และปิโตรเคมี ซึ่งคงมีความคืบหน้าต่อไปอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่หอการค้าฯ จะเห็นแนวโน้มและโอกาสที่ดีในด้านธุรกิจอันเป็นผลจากการเยือนครั้งนี้ นายสธน เกษมสันต์ ณ อยุธยา อุปทูต ณ กรุงริยาด ก็มองว่า การเยือนซาอุฯ คณะใหญ่ที่นำโดยท่านรองนายกฯ และ รมว.กต. ดอน มีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการต่อยอดและขยายผลจากการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม ซึ่งผู้นำสองฝ่ายได้เห็นพ้องต้องกันว่าทั้งสองประเทศจะต้องพยายามเร่งให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้โดยเร็ว เพื่อชดเชยเวลาที่เสียเวลาไปในอดีต โดยทั้งสองประเทศมีศักยภาพในหลากหลายสาขาที่จะร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
ที่ผ่านมามีการเตรียมการร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ภายใต้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ และกระทรวงการลงทุนซาอุฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการต้อนรับการเยือนมาโดยตลอด ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ มีความกระตือรือร้นอย่างมาก อีกทั้งกระทรวงการลงทุนซาอุฯ ทุ่มเทกับการเตรียมการจัดการอย่างเต็มที่ และมีผู้บริหารระดับรัฐมนตรีช่วยของกระทรวงหลายคนที่เข้ามาร่วมจัดงานนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน คือ ท่านคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ เคยมาประเทศไทยหลายครั้งแล้ว และชื่นชอบประเทศไทยมาก ท่านรัฐมนตรีอัลฟาลิฮ์ให้ความสำคัญมากกับการเยือนของท่านดอนในครั้งนี้ โดยท่านได้พบกับท่านดอน ถึง 5 ครั้ง คือท่านไปรับที่สนามบินกรุงริยาด ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งท่านบอกว่าท่านไม่เคยไปรับใครในฐานะรัฐมนตรีแบบนี้มาก่อน จากนั้นได้พบหารือทวิภาคีกับท่านดอนที่กระทรวงการลงทุนในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคม และได้ต้อนรับท่านดอนรวมถึงคณะจากประเทศไทยทั้งหมดในงานเลี้ยงต้อนรับช่วงค่ำที่จัดในพระราชวังอัล มุร็อบบา ในกรุงริยาด
ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม ท่านรัฐมนตรีอัลฟาลิฮ์ได้เป็นประธานร่วมในการเปิดงาน Saudi – Thai Investment Forum ที่กรุงริยาด ร่วมกับท่านดอน และเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ และในวันที่ท่านดอนจะเดินทางกลับประเทศไทยจากเมืองเจดดาห์ ในวันที่ 18 พฤษภาคม ท่านรัฐมนตรีอัลฟาลิฮ์ยังได้เดินทางไปส่งด้วยตนเองที่สนามบินด้วย
“เมื่อท่านดอนทราบว่าตนเองตรวจพบว่าติดเชื้อ COVID-19 หลังจากการเยือน ท่านก็เป็นห่วงฝ่ายซาอุฯ ที่ต้อนรับท่านใกล้ชิด โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีอัลฟาลิฮ์ โดยให้ผมรีบแจ้งฝ่ายซาอุฯ ในทันที ซึ่งฝ่ายซาอุฯ ก็เป็นห่วงในสุขภาพของท่านดอน โดยรัฐมนตรีอัลฟาลิฮ์ได้ขอรับเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรไปหาท่านดอนโดยตรงด้วย” อุปทูตสธนกล่าว
ระหว่างการเยือนครั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าของไทยในซาอุฯ โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าลูลู่ (LuLu Hypermarkets) ซึ่งร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าฮาลาลจากประเทศไทยมาหลายครั้งแล้ว ในห้างลูลู่ทุกสาขาในซาอุฯ พร้อมกัน รวมถึงสามารถสั่งซื้อสินค้าไทยออนไลน์ได้ด้วย แต่ปีนี้จัดใหญ่เป็นพิเศษ ภายใต้ชื่องาน Thailand Halal Food Festival 2022 ระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม โดยนายดอนได้เป็นประธานในพิธีเปิดงานที่ห้างลูลู่ สาขา Atyaf Mall เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ขณะที่สถานทูตได้จัดกิจกรรมเสริมอาหารไทยอื่นๆ ด้วย อาทิ การสาธิตการประกอบอาหารไทย และการแกะสลักผักผลไม้ รวมถึงการให้ชิมอาหารไทยด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวซาอุฯ
โดยผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าลูลู่ระบุว่า ทางห้างได้วางขายสินค้านำเข้าจากไทยมากถึงกว่า 2,000 รายการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่มีต่อสินค้าไทยได้เป็นอย่างดี
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 31 พฤษภาคม 2565