พาณิชย์ กางแผนเจาะตลาดเมืองรอง 38 เมือง 25 ประเทศ ดันตัวเลขส่งออก
พาณิชย์ เผยเตรียมประชุมทูตพาณิชย์ ประเมินสถานการณ์ส่งออกครึ่งปีหลัง ลุยเจาะตลาดเมืองรอง 38 เมือง 25 ประเทศ ด้านจุรินทร์ เตรียมยกทัพภาครัฐและเอกชน บุกซาอุฯ เจรจาการค้าการลงทุน
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ (25ส.ค.)กระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ 58 แห่ง 43 ประเทศทั่วโลก เพื่อสรุปแผนผลักดันการส่งออกเชิงรุกและเชิงลึกในครึ่งปีหลัง2565 ผ่านระบบออนไลน์ โดยทูตพาณิชย์แต่ละภูมิภาคประกอบด้วย
ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือแอฟริกา ยุโรป จีนและฮ่องกง อาเซียน เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย และลาตินอเมริกา จะนำเสนอแผนผลักดันการส่งออกฯ รายภูมิภาค
รวมทั้ง ประเมินสถานการณ์การส่งออก รวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลก เศรษฐกิจโลกที่มีสัญญาณชะลอตัว รวมทั้งจัดทำเป้าหมายการดำเนินงานของทูตพาณิชย์ในการผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังรายงานให้ที่ประชุมทราบด้วย สำหรับปัจจัยที่อาจจะกระทบต่อการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน ส่วนปัญหาเงินเฟ้อคาดว่าน่าจะคลี่คลายลงหลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับลดลงแม้ว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 27-31 ส.ค.นี้ นายจุรินทร์ จะนำคณะภาครัฐและเอกชนเดินทางไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเจรจาการค้าและการลงทุน ร่วมมือในการเพิ่มความสะดวกทางการค้า และการทำธุรกิจของผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งการผลักดันข้อกำหนดทางการค้าในความตกลงระดับพหุภาคี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนงานผลักดันการส่งออกของกระทรวงฯ คือ การเจาะตลาดเมืองรอง 38 เมือง 25 ประเทศทั่วโลก เช่น กลุ่มประเทศแอฟริกา อาทิ ตองกา โมซัมบิก แทนซาเนีย อูกานดา ซิมบับเว กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา เช่น อาเจนติน่า ชิลี เปรู กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุฯ บาร์เรน ตุรกี ส่วนเกาหลีใต้ในเร็วๆนี้จะมีการลงนามมินิเอฟทีเอกับเมืองคยองกี หลังที่ได้ลงนามกับเมืองปูซานไปแล้ว
ขณะที่จีน จะเจาะตลาดเมืองรองในมณฑทลไห่หนาน กานสู่ ฟู่เจี้ยน ซานตง อูฮั่น เป็นต้น นอกจากนี้ยังเจาะเมืองรองในตลาดอาเซียน เช่น จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา แขวงสะหวันนะเขตประเทศลาว เป็นต้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 15 สิงหาคม 2565