นครโฮจิมินห์มุ่งสู่การพัฒนาระบบขนส่งทางรางที่เชื่อมระหว่างภูมิภาค
การคมนาคมขนส่งของนครโฮจิมินห์มีการเชื่อมโยงกับพื้นที่ปริมณฑลและทั้งประเทศผ่านทางหลวง 4 สาย ทางรถไฟ 6 สายและทางไฮเวย์ 6 สาย ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ นครโฮจิมินห์ต้องพิจารณารูปแบบอื่นแทนการเน้นพัฒนาการคมนาคมทางถนนแต่เพียงอย่างเดียว สถาปนิก เคืองวันเหมื่อย อดีตนายกสมาคมสถาปนิกนครโฮจิมินห์กล่าวว่า การจราจรถือเป็นเส้นเลือดของตัวเมืองที่ต้องได้รับการพัฒนาเป็นอันดับแรกในการสร้างสรรค์ตัวเมือง โดยในการพัฒนาระบบขนส่งต้องมีการประสานงานของผู้บริหารจังหวัดและนครฯในภูมิภาคเพื่อพิจารณารูปแบบของระบบขนส่งร่วมทั้งการเดินทางและการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะ ต้องตระหนักว่า การลงทุนให้แก่ระบบขนส่งของนครโฮจิมินห์ไม่ใช่เพื่อใช้แค่เฉพาะในนครฯเท่านั้น หากยังต้องเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่น ๆ ด้วย
“ผมคิดว่า การเดินทางและการขนส่งจากนครโฮจิมินห์ไปยังภูมิภาคต่างๆ มีความสำคัญมากต่อการตัดสินใจเลือกพื้นที่ เราไม่สามารถพัฒนาพื้นที่ด้วยตัวเองได้ หากต้องรู้จักพื้นที่โดยรอบเพื่อเชื่อมโยงร่วมกันพัฒนา”
ศูนย์กลางระบบขนส่งจากนครโฮจิมินห์ไปยังจังหวัดและภูมิภาคอื่น ๆ มีความสำคัญมาก เช่นการขนส่งทางน้ำมีต้นทุนต่ำ แต่ประสบปัญหาในเรื่องระยะเวลาและปริมาณการขนส่ง แต่การขนส่งทางน้ำก็สามารถช่วยแบ่งเบาการขนส่งสินค้าเพราะมีความได้เปรียบในการเชื่อมโยงกับจังหวัดและเมืองต่างๆ นอกจากนี้ก็ต้องพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินและระบบขนส่งทางรางที่เชื่อมกับจังหวัดต่าง ๆ ส่งเสริมการพัฒนาไปในทิศทางของ TOD และระบบการขนส่งคนด้วยรถขนาดเล็ก โดยเฉพาะในเขตชานเมือง ตามการประเมินของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเวียดนาม-เยอรมนี ระบบขนส่งทางรางในตัวเมืองมีจุดเด่นคือ ตรงเวลา ประหยัดพลังงานและพื้นที่ มีความรวดเร็วและสามารถขนส่งได้ในปริมาณมาก ซึ่งการพัฒนาระบบขนส่งทางรางในตัวเมืองให้มีประสิทธิภาพนั้นก็ต้องพัฒนาตัวเมืองรอบ ๆ ด้วย
รองศาสตราจารย์ ดร. ฝ่ามซวนมาย สมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านการจราจรของนครโฮจิมินห์กล่าวว่า ต้องพิจารณาระบบขนส่งของนครโฮจิมินห์ด้วยการมองในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะ 7 จังหวัดปริมณฑลที่ได้รับอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีเมื่อ 10 ปีก่อน ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ระบบการขนส่งทางรางควรเป็นระบบการขนส่งหลักในภูมิภาค เพราะเมื่อพื้นที่พัฒนามากขึ้นก็จะส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ต้องรองรับปริมาณการขนส่งสินค้ามากถึง 100 ล้านตันต่อปี
“เราอยู่ในรัศมี 120-200 กม. จึงไม่ต้องใช้การขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางน้ำก็ไม่ครอบคลุมดังนั้น เราจึงมองว่า ระบบขนส่งทางบกและทางรางยังคงเป็นระบบหลักของภูมิภาค โดยเฉพาะระบบขนส่งทางรางที่จะต้องมีสองระบบคือสำหรับขนส่งผู้โดยสาร และระบบสำหรับขนส่งสินค้า ซึ่งถ้าทำได้ก็จะช่วยแก้ปัญหาการขนส่งในภูมิภาคได้มาก ช่วยลดอุบัติเหตุทางจราจร เพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วทั้งภูมิภาค”
นาย ฟานวันหมาย ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ยืนยันว่า นครโฮจิมินห์จะวิจัยด้านต่างๆ โดยระบบคมนาคมขนส่งได้รับการกำหนดให้เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ และต้องมองระบบคมนาคมขนส่งในภาพรวมที่ครอบคลุมถึงจังหวัดและเมืองใกล้เคียง เชื่อมโยงทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ และในเวลาที่จะมาถึง การวางผังจะต้องมองในมุมนั้น ซึ่งการปฏิบัติเรื่องนี้ต้องวิจัยและมีข้อเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไก เป้าหมายและผลงานที่ใหญ่ขึ้น นครโฮจิมินห์มีแนวคิดใช้การเชื่อมโยงระดับภูมิภาคเพื่อพัฒนานครฯและกลายเป็นหัวเรือในการพัฒนาของประเทศ
“เรามองจากมุมมองของผลประโยชน์ที่นครโฮจิมินห์จะได้รับ ทำให้เราต้องเชื่อมโยงและขยายความร่วมมือกับเมืองโดยรอบ ดังนั้น ถ้าเราอยากเชื่อมโยงระบบขนส่งให้มีความราบรื่นก็ต้องมีการเชื่อมโยงด้านความคิดด้วย”
ปัจจุบัน นครโฮจิมินห์กำลังปรับปรุงโครงการปรับการวางผังพัฒนานครโฮจิมินห์จนถึงปี 2040 และวิสัยทัศน์ถึงปี 2060 ดังนั้น เนื้อหาเกี่ยวกับการวางแผนด้านการคมนาคมของนครฯต้องได้รับการวิจัยและปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ขอบเขตและวิสัยทัศน์พัฒนาของนครฯในเวลาที่จะถึง รวมถึงแผนการวางผังระดับประเทศที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติ และต้องมีการวางผังใหม่ที่สามารถแก้ไขอุปสรรคเพื่อขยายการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค ส่งเสริมบทบาทเป็นหัวเรือ ช่วยให้ภูมิภาคและประเทศพัฒนาต่อไป.
ที่มา : วีโอวี5-สถานีวิทยุกระจายเสียงเวียดนาม