ปลาหมึกเบนโตะขายดีที่เวียดนาม SNNP ตั้งโรงงานเตรียมกวาดรายได้ 2 พันล้าน
ปลาหมึกเบนโตะขายดิบขายดีที่เวียดนาม และกัมพูชา ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง ตั้งโรงงานผลิตที่บินห์เซือง ทางตอนใต้ของโฮจิมินห์ พร้อมตั้งกวาดรายได้ 2 พันล้านภายใน 5 ปี
นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP กล่าวว่า หลังจากเราได้เข้าไปทำการตลาดในประเทศเวียดนาม และกัมพูชามาได้ระยะหนึ่งภายใต้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Localization Strategy
โดยเฉพาะการเข้ามาตลาดในประเทศเวียดนามด้วยการพันธมิตรร่วมกับบริษัท Chance and Challenge Co., Ltd. หรือ CAC ซึ่งเป็นผู้นำเข้าขนมขบเคี้ยวจากไทยเข้ามาจำหน่ายมากว่า 15 ปี และมีความเชี่ยวชาญในการกระจายสินค้าครอบคลุมร้านค้า 140,000 ร้านค้า ผ่านช่องทางแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ยังมีอีก 8,275 ร้านค้า ผ่านช่องทางแบบสมัยใหม่ รวมไปถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ได้รับความนิยมในประเทศเวียดนามทั้งหมดจึงส่งผลให้ผลิตภัฑณ์เบนโตะ โลตัส และเจเล่ ของบริษัทได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในเวียดนาม โดยเฉพาะปลาหมึกอบทรงเครื่องเบนโตะที่ยอดขายมาเป็นอันดับหนึ่ง
นายฐากร กล่าวอีกว่า เราจึงเห็นช่องทางการขยายโอกาสทางการตลาดใน เวียดนามที่มีความพร้อมในด้านของแรงงาน วัตถุดิบ และภูมิประเทศ เป็นหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติให้ความสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอุตสาหกรรมภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด บริษัท จึงได้ก่อตั้งโรงงานผลิตสินค้าภายใต้ชื่อบริษัท S.T. Food Marketing หรือ STFM โดยถือหุ้น 100% ผ่าน บจก. SNNP International ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) 99.9% ตั้งอยู่ที่จังหวัดบินห์เซือง หรือ Binh Duong ในนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่เศรษฐกิจ เวียดนามสิงคโปร์อินดัสเตรียลพาร์ค หรือ VSIP
สำหรับจังหวัดบินห์เซืองเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคใต้ของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ 30 กิโลเมตร ด้วยพื้นที่รวม 20,000 ตารางเมตร โดยโรงงานดังกล่าวจะผลิตสินค้าเยลลี่พร้อมดื่ม ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้น ขนมขึ้นรูป ขนมปังแท่ง และจำหน่ายในประเทศเวียดนาม พร้อมส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในกลุ่ม CLMV และรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชีย
"ปัจจุบันเราจ้างคนเวียดนามประมาณ 400 คน ส่วนใหญ่จะเน้นการใช้เครื่องจักรมากกว่าแรงงาน เพราะเรามองว่าอีก 5 ปีข้างหน้า เวียดนามจะมีปัญหาเรื่องแรงงาน"
นายฐากร กล่าวอีกว่า เราตั้งเป้าว่าภายในปี 2566 โรงงานที่เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญภายใต้แบรนด์สินค้าต่างๆ ของบริษัทอย่างครบวงจร โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าและทำตลาดในประเทศเวียดนาม และหลังจากดำเนินธุรกิจได้ตามแผนครบทุกเฟสการผลิตที่วางไว้จะดำเนินการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา รวมถึงเกาหลี และฟิลิปปินส์ ในระยะต่อไป
"เรามองว่าในตลาดขนมขบเคี้ยวของเวียดนามยังมีช่องว่างทางการตลาดให้พัฒนาโปรดักต์อีกมากมาย ปัจจุบันเรามีขนมขาไก่โลตัส รสต้มยำกุ้ง และรสปลาหมึกเผ็ดที่ขายในเฉพาะเวียดนาม และในอนาคตอันใกล้นี้เราจะมีรสเนื้อ รสซอสพริกเวียดนามที่ขายเฉพาะที่เวียดนามเท่านั้น ก็อาจจะเป็นหนึ่งในของฝากที่ขึ้นชื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกลับไปลองรับประทานได้อีกด้วย"
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 64 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดรายได้จากการขายจากประเทศเวียดนาม 300 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ที่ 218 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยว 93% และเครื่องดื่ม 7% ตั้งเป้ายอดขายในเวียดนามทะลุ 2,000 ล้านบาท เติบโต 7 เท่าภายใน 5 ปี โดยเชื่อมั่นว่าการลงทุนในการขยายฐานการผลิตในประเทศเวียดนามจะช่วยสร้างผลตอบแทนและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นให้กับบริษัทฯ ในระยะยาวอย่างยั่งยืน.