นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึง กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะกลับมาเรียกเก็บการนำส่งเงินเข้าสู่กองทุน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ในอัตราเดิมที่ 0.46% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ว่า จะส่งผลให้ต้นทุนของธนาคารสูงขึ้น และอาจปรับดอกเบี้ยขึ้นตาม กระทบต่อผู้ประกอบการที่กู้เงิน ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก หลังจากค่าไฟ และค่าแรงขั้นต่าที่ปรับขึ้นไปแล้ว 

 

หากผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหว ก็ต้องปรับราคาสินค้าส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการบางรายโดยเฉพาะรายเล็ก ที่ขายสินค้ายากขึ้น และ ไม่สามารถขึ้นราคาได้เพราะการแข่งขันสูง ก็ไปต่อไม่ไหว อาจจะเห็นภาพธุรกิจขนาดใหญ่กว้านซื้อธุรกิจรายเล็ก ที่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนต่อได้ ดังนั้น ภาครัฐควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ โดยหาวิธีการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจเดินต่อได้ ถ้าไม่มีเงินสนับสนุนเลย รายที่ยังไม่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจซบเซา จะไปต่อยาก จึงต้องเข้ามาช่วย นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่ง หากรัฐยังพอมีวงเงินเหลืออยากให้ดาเนินการต่อ เนื่องจากได้ประโยชน์ 2 ด้าน คือผู้บริโภคกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการจะระบายสินค้าได้มากขึ้น ไม่มีสต๊อกคงค้างแก้ปัญหาทุนจม