นายญณน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกไทยปี 2566 คาดว่าจะเติบโตที่ 6-8% หากจีดีพีประเทศเติบโตได้ 3% จากกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2565 ต่อเนื่องถึงปีนี้ บวกกับการการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดชาวจีน ซึ่งจะเห็นว่าในกลุ่มธุรกิจการให้บริการ อาทิ ร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ กลับมามีความคึกคักกว่าเดิม รวมถึงมีการปรับปรุงใหม่เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นด้วย

 

นายญณน์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล มองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการในทั้ง 3 ประเทศ จึงวางแผนใช้งบประมาณในการลงทุนเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท จากเงินลงทุนตามแผน 5 ปี ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจในไทย 70-75% และเวียดนาม 25-30% แบ่งเป็น กลุ่มแฟชั่น 45% อาหาร 35% และฮาร์ดไลน์ หรือสินค้าเกี่ยวกับบ้าน สินค้าตกแต่ง และปรับปรุงบ้าน 25% ตั้งเป้าหมายมรายได้ 270,000 ล้านบาท เติบโต 15% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย เติบโต 18-20% ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเต็มกำลัง บนยุทธศาสตร์ CRC Retailligence ที่เพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นที่จะสร้างเซ็นทรัล รีเทล ให้เป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer ของเอเชีย

 

“การทำธุรกิจในประเทศไทย จะใช้กลยุทธ์ขยายสินค้าแฟชั่น ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดธุรกิจโดยปรับให้ห้างเซ็นทรัลชิดลมกลายเป็นศูนย์กลางสินค้าลักชัวรี่ เปิดห้างโรบินสันเพิ่มอีก 2 สาขา โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 1 สาขา และปรับปรุงสาขาเดิม 25 สาขา ส่วนในกลุ่มฮาร์ดไลน์จะขยายไทวัสดุและไทวัสดุ แบบไฮบริด รวมอีก 10 สาขา” นายญณน์ กล่าว

 

นายญณน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในกลุ่มอาหารจะขยายร้านท็อปส์ในไทยและเวียดนามรวม 15 สาขา ส่วนศูนย์การค้าโก! หรือร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์จะเปิดในนครศรีธรรมราชให้ครบ 10 สาขา จากปัจจุบันเปิดไปแล้ว 4 สาขา และเปิดในเวียดนามอีก 6-8 สาขาในปี 2567 รวมไปถึงขยายช่องทางจำหน่ายออมนิชาแนมเพิ่มจาก 18% เป็น 25% ในอีก 5 ปี และช่วงครึ่งปีหลังมีแผนเปิดตัวธุรกิจใหม่เพิ่มในไทยและต่อยอดไปในเวียดนามเพิ่มเติม โดยเชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้ จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เติบโตสู่ The Next Sustainable Growth และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ประมาณ 270,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้วย

 

ที่มา : มติชน