อุตสาหกรรมคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ อินทราโลจิสติกส์ กลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งในรอบ 3 ปีเทียบเท่าก่อนโควิด สมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย คาดโต 2 หลัก มูลค่าถึง 8,000 ลบ. เดินหน้าจัดงาน LogiMAT ดึงต่างชาติลงทุนในไทย มั่นใจไทยก้าวสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียนได้ใน 5 ปี

 

นายอำนาจ ประกอบสุข เลขาธิการนายกสมาคมการจัดการระบบคลังสินค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2566 ภาพรวมการลงทุนในอุตสาหกรรมคลังสินค้าอัจฉริยะ หรือ อินทราโลจิสติกส์ จะกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้งเทียบเท่าก่อนโควิด โดยได้รับปัจจัยบวกการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ที่เติบโตได้ดี และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และตลาดอีคอมเมิร์ซ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่า ตลาดรวมในปีนี้จะขยายตัว 10-15% หรือมีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงโควิด ตลาดรวมมีการขยายตัวประมาณ 5-8%

 

ทั้งนี้หากภาคเอกชนไทยให้ความสนใจลงทุนในอินทราโลจิสติกส์มากขึ้นและให้ความสำคัญกับการจัดการระบบโลจิสติกส์ ที่ช่วยลดต้นทุนและยังช่วยให้การขนส่งมีความรวดเร็วขึ้น ตลอดจนการได้ปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่เติบโตดีต่อเนื่อง จึงประเมินว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน และจะช่วยให้ภาพรวมต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทย ปรับลดลงมาที่ 9% ต่อจีดีพีของประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 14% ต่อจีดีพีประเทศ

 

นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค กล่าวว่า ประเทศไทยยังมีต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงเมื่อเทียบต่างประเทศ โดยประเทศเยอรมนีมีต้นทุนอยู่ที่ 6% ต่อจีดีพี ซึ่งการจะปรับลดต้นทุนโลจิกติกส์ลงได้นั้นจะต้องใช้ความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งภาครัฐควรเดินหน้านโยบายลงทุนขนาดใหญ่ด้านคมนาคม ทั้งการเร่งขยายเทอร์มินอล 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิ การเปิดให้บริการระบบไฟฟ้าความเร็วสูง และการปรับแก้ไขกฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และภาคเอกชนต้องพร้อมที่จะขยายการลงทุนในโลจิสติกล์และคลังสินค้าอัจฉริยะมากขึ้น

 

สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมอินทราโลจิสติกส์ปีนี้ เห็นแนวโน้มที่ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนและขยายทำตลาด เนื่องจากมีความเชื่อมั่นกับศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน และการมีนโยบาย อีอีซี ทำให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรม 10 S-Curve เพิ่มสูงขึ้น จึงส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์และระบบคลังสินค้า

 

ทั้งนี้จากแนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่ขยายตัว ทำให้การจัดงาน LogiMAT | Intelligence Warehouse 2023 ได้เพิ่มพื้นที่จัดงานขึ้น 2 เท่า เพื่อรองรับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาร่วมงาน 100 แบรนด์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10 ประเทศทั้งจากเอเชียและยุโรป รวมถึงได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 6,000 ราย สามารถสร้างเม็ดเงินสะพัดในงานรวมกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน โดยงาน LogiMAT | Intelligence Warehouse 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 5-6

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ